วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความเป็นมาของกีฬา BB. ในประเทศไทย

จากเริ่มต้นถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเริ่มรู้จักปืน BB. มาประมาณ 15-20 ปีมาแล้วราวๆปี พ.ศ.2529-2534 ก็ตั้งแต่เริ่มมีปืน BB. กำเนิดขึ้นในญี่ปุ่นไม่นาน โดยนำเข้ามาจากฮ่องกงพร้อมกับพลาสติกโมเดลจากผู้นำเข้าอิสระในขณะนั้น แต่ก่อนที่จะมีปืน BB. ที่ใช้กระสุนทรงกลมขนาด 6 มม.เราชาวไทยได้รู้จักกับโมเดลปืนและปืนแก๊ป ที่ใช้ลูกกระสุนแบบอื่นมาก่อนแล้ว จะเป็นปืนลักษณะใดติดตามได้จากบทความต่อไปนี้ โดยผมจะแบ่งออกเป็น 3 ยุคใหญ่ๆให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความเป็นมาของวงการปืน BB.ในประเทศไทยต่อไป ยุคที่1. ปืนโมเดล ราวๆปี พ.ศ. 2520 คนไทยจะรู้จักกับโมเดลปืนที่เป็นเหล็กบ้าง เป็น พลาสติกโมเดลที่จะต้องมาต่อและทำสีเองบ้าง บางแบบก็สามารถยิงได้ บางแบบเป็นปืนแก๊ปที่มีแต่เสียงและยิงอะไรออกมาไม่ได้ แบบที่ยิงได้จะเป็นระบบอัดลมที่คล้ายกับระบบแอร์ค๊อกกิ้ง ส่วนลูกกระสุนจะเป็นลูกพลาสติกรูปทรงคล้ายกระโถนขนาด .177 นิ้ว และ 6 มม. เราจึงเรียกว่าลูกกระโถน แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ปืนแบบนี้เป็นพลาสติกโมเดลที่จะต้องนำมาต่อและทำสีเอาเอง และพอทำสีแล้วหากนำไปเล่นบ่อยๆสีก็จะถลอกได้ จึงไม่มีใครนิยมนำออกมาเล่นกันมากนักส่วนใหญ่จะประกอบแล้วแขวนโชว์ไว้ในบ้านมากกว่า ปืนอัดลมแบบนี้ถูกจำลองมาจากปืนหลากหลายรุ่นและแบบมีทั้ง M-16 UZI AK-47 MP-5 และ อีกมากมาย แม้จะผลิตจากวัสดุที่เป็นพลาสติกที่ไม่แข็งแรงแต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่นักต่อโมเดลมากในยุคนั้น ส่วนห้างร้านที่นำปืนแบบนี้เข้ามาจำหน่าย ที่ใหญ่ๆก็จะมีไทยไดมารู เซ็นทรัล และ ร้านธนันต์ที่เป็นร้านขายชุดพลาสติกจำลอง ซึ่งบรรดาห้างร้านทั้งหมดนี้ล้วนมีใบอนุญาตนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ถูกต้องด้วยกันทั้งสิ้น (ตอนนั้นขออนุญาตง่ายมากแต่ต้องต่ออายุปีต่อปี) ผมเองยังจำได้ว่าคุณพ่อเคยซื้อให้แล้วผมก็เอาไปไล่ยิงคนรับใช้ในบ้านจนโดนคุณพ่อยึดไม่ให้เล่นแล้วพ่อก็ให้ลูกพี่ลูกน้องไป ผมร้องไห้ไม่พูดกับพ่อไปเดือนนึงเต็มๆ ต่อมาไม่นานความนิยมปืนโมเดลแบบนี้ก็สลายไป และ นิ่งๆอยู่พักใหญ่ ยุคที่2 ปืนBB. จนมีปืน BB. ที่เป็นปืนสั้นอัดลมและปืนอัดแก๊สเข้ามาขายความนิยมปืนอัดลมจึงเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กระแสนิยมสูงกว่าเดิม คือ นอกจากผู้เล่นที่เป็นคนเล่นโมเดลเสียส่วนใหญ่ที่จะเล่นปืนโมเดลด้วย มาเป็นผู้เล่นที่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพื้นฐานที่การต่อโมเดลมาก่อน เนื่องจากปืนแบบใหม่นี้ไม่ต้องประกอบเองและบางแบบก็จะมีวัสดุเป็นเหล็กจึงมีความทนทานกว่าปืนโมเดลแบบเรก อีกทั้งปืน BB.ที่เป็นแก๊สยังสามารถยิงได้ต่อเนื่องในระบบเซมิออโต้ แม้จะยังไม่มีระบบโบว์แบ๊กเหมือนในปัจจุบัน แต่มันก็สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ยิงได้มากกว่าปืนอัดลมแบบเก่า แค่ปืนสั้นอัดแก็ส ก็เป็นที่นิยมกันอย่างมากอยู่แล้วแต่เมื่อมีปืนสั้นออกมาไม่นานปืนยาวอัดแก๊สเข้ามาให้เห็นกันบ้างในประเทศไทย แต่ เหตุการผิดคาดปืนยาวอัดแก๊สกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเนื่องจากราคาที่สูงมากและระบบปฏิบัติการนั้นยังมีปัญหามากและอายุการใช้งานต่ำ ซ้ำอะไหล่ก็หายากในเมืองไทย(บางแบบไม่มีอะไหล่) และ เนื่องจากเป็นปืนที่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้จึงต้องใช้แก๊สในปริมาณมากจึงมีความสิ้นเปลืองสูงเป็นเหตุให้ต้องใช้ถังแก๊สขนาดใหญ่อยู่นอกตัวปืนโดยใช้สายลมต่อเข้ากลับตัวปืนอีกที ด้วยความยุ่งยากอายุการใช้งานต่ำ และ ราคาที่สูงปืนยาวอัดแก๊สจึงไม่ได้รับความนิยมสูงนักในเมืองไทย ปืนBB.ในยุคนี้ไม่ต้องพูดถึงความแม่นยำ ที่ไม่ต้องพูดถึงก็คือมันไม่มีเลย ในระยะ10 เมตรขึ้นไปปืน BB. ยุคนี้จะไม่สามารถคุมกลุ่มกระสุนได้เลยเพราะมันยังไม่มีฮอบอัพเหมือนปืน BB.สมัยใหม่ ผู้เล่นก็จะนิยมซื้อปืน BB.มาเก็บไว้เล่นอยู่ในบ้านหรือ เล่นยิงเป้าธรรมดา เมื่อปืนถึงอายุการใช่งานและพังไปก็ยังไม่มีใคนซ่อมได้สุดท้ายก็ต้องวางไว้เฉยๆหรือทิ้งไป เรื่องที่จะมีการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกมแบบในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีใครเล่นเพราะหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันยังไม่มีจึงกลัวจะเป็นอันตรายหากจะนำมาเล่นยิงกัน (แต่ก็มีคนเล่นเหมือนกันสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บกันจนได้) จนเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีปืน BB.ไฟฟ้าของมารุอิ เข้ามาทำให้กระแสนิยมปืนยาวก็เริ่มสูงขึ้น เพราะปืนที่ราคาถูกกว่าปืนยาวอัดแก๊ส อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แม้อะไหล่จะยังหายากอยู่แต่ก็สามารถสั่งร้านที่นำเข้ามาให้เอามาได้ และที่สำคัญความสิ้นเปลืองก็ต่ำกว่าเพราะไม่ต้องใช้แก๊สเพียงแต่ชาร์ตแบ็ตฯให้เต็มก็สามารถยิงได้แล้ว ความนิยมปืนยาวไฟฟ้าจึงสูงมากจนไม่มีบรรดาผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงรายใดไม่เคยนำเข้ามาขายเลย ผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงทุกรายต่างแข่งกันนำปืนไฟฟ้าของมารุอิเข้ามาขายจนบางรายเลิกนำเข้าพลาสติกโมเดลและหันมานำเข้าปืน BB.ไฟฟ้านี้แทน แต่ปืนยาว BB.ยุคนี้ก็ยังไม่มีฮ๊อบอัพอยู่ดีความแม่นยำจึงต่ำไปด้วย แม้จะมีปืน BB. ไฟฟ้าแล้วการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกม ก็ยังไม่มีอยู่ดีเพราะยังขาดอุปกรณ์ป้องกัน และ ไม่มีสนามให้เล่น แม็กฯโมฯก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ การเล่นส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิมคือเล่นอยู่ในบ้านและสะสม ยุคที่3. กีฬา BB. เริ่มจากการเกิดขึ้นของสนาม เพนท์บอล ที่ย่านตะวันนา ข้างๆเดอะมอล์บางกะปิ โดยเจ้าของสนามและเพื่อนๆในสมัยนั้นได้เริ่มนำปืน BB. เข้ามาร่วมเล่นด้วยโดยเป็นการเล่นกันในเวลากลางคืน เพราะเหตุผลด้านกฏหมายในสมัยนั้น และในยุคแรกๆของสนามก็ยังไม่มีปืนและอุปกร BB. ให้ผู้เล่นได้เช่ามีเพียงสนามและอุปกรณ์เพนท์บอลเท่านั้น และต่อมาเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้นทางสนามจึงได้มีปืนและอุปกรณ์ BB. ให้เช่าร่วมกันกับกีฬาเพนท์บอลไปด้วย สนามที่ว่านี้ก็คือสนามยุทธกีฬา ร.11 ในปัจจุบันนี้เอง เมื่อมีสนามที่ตะวันนาได้ไม่นานก็เริ่มมีสนามเกิดขึ้นมาใหม่หลายสนามแต่ส่วนมาก จะเป็นสนามเพนท์บอลซะมากกว่า ต่อมาสนามตะวันนาก็ต้องปิดตัวลงและย้ายไปอยู่ที่ตลาดปฐวิกร (หลังโรงเรียน บดินเดชา 2) ซึ่งที่นี้เองที่อาจจะนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มของวงการ BB. ในไทยเลยก็ว่าได้ และผมเองก็ได้เริ่มเล่น BB. จากจุดนี้ และ ถ้านับถึงปัจจุบันก็ 11 ปีแล้วละครับ ด้วยเหตุที่สนามมีไม่เพียงพอรวมทั้งผู้เล่นก็ยังไม่แพร่หลายนักทำให้ผู้เล่นรวมตัวกระจุกันอยู่ที่ปฐวิกรเสียมากกว่า ในสมัยนั้นผู้เล่นยังน้อยเสียจนสามารถนับตัวผู้เล่นได้และผู้เล่นทั้งหมดส่วนมากจะรู้จักกัน และสนามเริ่มมีการประชาสัมพันธ์ ทำให้ BB. เริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น บรรยากาศในสนามสมัยนั้นบอกได้ว่าสนุกมากครับ และมารยาทเป็นเรื่องสำคัญ มากในสมัยนั้น ทั้งในสนามและนอกสนาม จะได้ยินแต่คำขอโทษ สนามปฏวิกรเปิดอยู่ที่นั้นได้พักใหญ่ๆ หลังจากนั้นไม่นานสนามปฏวิกรก็ต้องย้ายอีกครั้งมาที่ แถบย่านรามอินทรา (เรียบทางด่วน) ในยุคนี้เองที่วงการกีฬา BB. ของไทยได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง คือเริ่มมีการจัดออนทัวร์ออกไปเล่นนอกสถานที่ จากเดิมที่เคยเล่นในสนามกันอย่างเดียว และในเวลานี้เองที่นิตยสาร เกมกันแม็กกาซีน ของเราได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีบางออนทัวร์เราเป็นโต้โผในการจัดงาน วงการ BB.ช่วงนี้เติบโตแบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป ปืน BB. ที่ใช้ก็ยังคงเป็นปืนปืนยี่ห้อ มารุอิเป็นส่วนใหญ่ (95%) จะมียี่ห้ออืนน้อยมาก ยี่ห้อ ทานากะ มารุเซ็น และอื่นๆที่ในสมัยนี้ถือว่าปกติ ใครใช้ปืนพวกนี้จะถือว่าแปลกและมักหาอะไหลได้ยากต้องสั่งพิเศษเข้ามาเท่านั้น ส่วนร้านค้าและผู้นำเข้าก็จะเป็นผู้นำเข้าอิสระ ผู้นำเข้ารายใหญ่ๆในสมัยนั้นก็มี ร้าน KPN. ของพี่ไก่ ร้านเฮียฉิ่ม ส่วนผู้ค้ารายอื่นๆก็จะรับจากสองรายนี้ไปขายกันอีกทอดหนึ่ง หรือไม่ก็มีสายนำเข้ามาเองแต่ก็ไม่มากนัก การซื้อขายนั้นยังเป็นระบบต้องสั่งล่วงหน้าหรือต้องสั่งก่อนจึงจะได้ของ ยังไม่มีโชว์รูมที่สามารถโชว์ของได้เนื่องจากข้อกฏหมายบางประการ พอปืนBB.มีให้เล่นกันมากขึ้นสื่อต่างๆของกีฬา BB. ก็มีให้ติดตามมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน ผู้เล่นเริ่มเห็นว่าปืนของตนสามารถตกแต่งให้สวยงามและแรงได้ จึงมีการคิดที่จะแต่งปืน แต่ บรรดาอะไหล่และช่างปืน BB.นั้นยังน้อยอยู่ ช่างบางรายก็เป็นเดียวกับผู้ค้า และในยุคแรกๆนี้ใครซื้อปืนกับใครก็ควรให้ผู้ขายนั้นเป็นผู้แต่งหรือซ่อมปืนให้ ช่างบางรายจะไม่ซ่อมหรือแต่งปืนให้กับผู้ซื้อท่านอื่นที่ไม้ได้ซื้อกับตน โดยมากจะซื้อปืนที่สนามและให้ช่างประจำสนามซ่อมหรือแต่งปืนให้ ส่วนการแต่งปืนนั้น เนื่องจากอะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆจะไม่ครบและหายากในประเทศ จนต้องมีการนำวัสดุที่มีในประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานมาดัดแปลงใช้กับตัวปืนทำให้บางครั้งปืนBB.เกิดชำรุดเสียหายอย่างไม่สมควร และช่างในยุคเริ่มต้นนี้ก็ยังไม่มีความรู้อะไรมากนักการแต่งปืนจึงเป็นการลองผิดลองถูกเสียมากกว่า อายุเฉลี่ยของปืน BB.ที่แต่งแล้วจะสามารถอยู่ได้ประมาณ หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น จึงมีผู้เล่นบางส่วนกลัวที่จะแต่งจนเป็นนิสัยตกทอดมาถึงปัจจุบัน ก็เพราะความขาดความเข้าใจในระบบกลไกของตัวปืน ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งบนตัวปืนนั้นถ้าไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทางมารุอิผลิตขึ้นมาก็จะต้องใช้อุปกรณ์ทีใช้กับปืนจริงที่มีราคาสูง เช่นถ้าใครติดกล้องเรดดดอดแล้วจะถือว่าผู้นั้นมีฐานะที่ดีมากเลยทีเดียว กล้องสโคบก็มีราคาสูงอยู่มากแม้จะเริ่มมีของจีนเข้ามาขายบ้างแล้วแต่ก็ไมีไม่มากและยังหายากอยู่ มีเรื่องที่ถ้าคิดย้อนกลับไปแล้วอดนึกขำไม่ได้หลายเรื่องที่ถ้าเป็นตอนนี้เราคงไม่กระทำและบางเรื่องเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไรที่ผู้เล่นBB.พึงกระทำ เช่น ด้วยความที่กล้องเรดดอดนั้นหายากและมีราคาสูงมาก เราจึงเห็น MP-5 ที่เป็นปืนกลมือ แต่กลับติดกล้องสโคบที่มีกำลังขยายสูงๆที่ควรจะติดปืนไรเฟิลมากกว่า และ การที่มีปืนแต่งเฟืองรูดทุกอาทิตย์ด้วยเหตุที่ใช้สปริงแข็งมากๆ(ไปเดินหาสปริงเอาเองย่านคลองถม)แต่ไม่ใส่ห้วและแกนท้ายที่เป็นลูกปืนและช่างกับเจ้าของปืนก็ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องปกติ แล้ว ยังมีที่ใช้สปริงเบอร์แข็งๆแต่ไม่เปลี่ยนบูชิ่งให้มาเป็นบูชิ่งโลหะเสียก่อน เฟืองจึงล้มและเสียหายไปทั้งระบบเกียร์บ๊อก รวมทั้งการที่มีเจ้าหน้าที่ประจำสนามหลายๆคนหัวใสคิดนำเอาลูกBB.ที่ยิงแล้สในสนามมาร่อนเอาดินออกและนำมาหมุนเวียนขายให้กับลูกค้าที่มาเล่น โดยมีราคาขายที่ถูกกว่าลูกBB.ใหม่มาก ซึ่งก็นั้นละครับปืนพังกันไปเป็นแถว จนเจ้าของสนามต้องสั่งเลิกการกระทำเช่นนี้ไป ที่นึกขึ้นมาแล้วต้องอมยิ้มทุกครั้งก็คือการแต่งตัวของผู้เล่น คือ ยุคนั้นเสื้อเกราะเสื้อเวสต์นั้นยังหาไม่ได้ง่ายนักการใส่เสื้อกั๊กของช่างภาพที่มีกระเป๋ษเล็กๆที่พอจะใส่แม็กฯสำรองได้นั้นเป็นที่ยอมรับและนิยมมาก หรือไม่ก็มีผู้เล่นหัวใสที่ตักชุดเกราะจากเสื่อนำ้มันหุ้มด้วยผ้าไนล่อนขึ้นมาใช้เอง ในสมัยนี้พอเอารูปเก่าๆมาดูก็อดขำตัวเองและเพื่อนๆไม่ได้ว่าทำไปได้อย่างไรนะ การเล่นในยุคแรกๆจะเป็นการเล่นที่ค่อนข้างหลบๆซ่อนๆ กล่าวคือจะต้องเล่นกันเฉพาะในเวลากลางคืน และเล่นกันอยู่ในหมู่คนที่ไม่มากนัก การที่จะเล่นเวลากลางวันจะน้อยมากแถบจะไม่มีเลย แต่ การเล่นในเวลาที่แสงธรรมชาติหมดลงไปแล้วก็นับเป็นการเล่นที่สนุกและยากกว่าการเล่นกลางวันใยปัจุบันมากเลย โดยผู้เล่นทุกคนจะเริ่มทยอยมาถึงสนามใยเวลาประมาณ 3 ทุ่ม และจะเริ่มเล่นกันจริงๆได้ในเวลา 4-5 ทุ่ม จากนั้นก็เล่นกันไปยันตี 2 ตี 3 กันเลยทีเดียว บางที่อาจถึงเช้าเลย และจะเป็นแค่คืนวันเสาร์เท่านั้นที่มีการเล่น BB. กันในสนาม สำหรับในต่างจังหวัดก็จะมีบางที่เล่นกัน แต่จะเป็นการนัดเล่นกันเองในกลุมมากกว่าที่จะเป็นการเล่นที่มีสนามชัดเจน การนัดกันเล่นเองในกลุ่มก็มีเช่นกันในกรุงเทพฯ แต่จะเป็นการเล่นที่ค่อนข้าอันตรายและผิดกฏหมายอยู่ เช่นการนัดกันเล่นที่คลังสินค้าย่านพหลฯ ที่เป็นการเล่นแบบนัดกันเองในสถานที่ที่ไม่ได้มีการจัดเตรียมบอกกล่าวกับเจ้าของสถานที่ให้แน่ชัดเป็นต้น บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับผู้อื่นจนเป็นเรื่องราวเกิดขึ้น จนเมื่อย่างเข้าปี พ.ศ. 2542 ที่วงการBB.ของไทยได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่สนามได้เริ่มออกกฏที่แน่นอนว่าโดนนัดเดียวก็ต้องออก และมีการใช้กติกา ยูเดด ในระยะใกล้ จากที่เมื่อก่อนจะต้อง ยิงจนกว่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะเจ็บจนทนไม่ได้และยอมออกไป ความต้องการที่จะเล่นนอกสนามก็ยังคงมีอยู่ แต่ ได้มีการขอร้องและขอความร่วมมือกับผู้เล่นว่าถ้าไม่แน่นอนว่าจะเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยแล้วก็อย่าออกไปเล่นเลย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออยู่มากเลยทีเดียว (ก็คนมันยังน้อยอยู่นี่) แต่ความต้องการออกไปเล่นนอกสถานที่ก็ยังคงไม่จางหายไป เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องออกมามาก ทางสนามจึงรวมตัวกับผู้ประกอบการด้านกีฬา BB. ที่ในตอนนั้นนิตยสารเกมกันของเราได้เปิดตัวแล้ว และเราก็เป็นผู้จัดหลักๆในคณะผู้จัดงานด้วย โดยได้เริ่มจัดงานออนทัวร์ต่างๆขึ้นมาหลายงาน จนได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้เล่น เพราะนั่นเป็นครั้งแรกๆที่ผู้เล่นในเมืองไทยได้ออกไปเล่นนอกสถานที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงอันตรายและกลัวว่าจะมีใครเข้าใจผิดเกิดขึ้น และบางงานก็ยังจัดในพื้นที่ของทหารและได้มีทหารจริงๆมาร่วมเล่นกับผู้เล่นอีกด้วย ในช่วงนี้กีฬาBB.ในไทยเฟื่องฟูขึ้น แต่ก็จะสะดุดเล็กน้อยเหตุจากสภาวะเศษฐกิจตกตำ่ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องผลอยชะงักไปด้วย ผู้เล่นที่มีฐานะดีบางคนต้องกลายเป็นบุคลล้มละลายเนื่องจากกิจการล้มเหลวและมีหนี้สินล้นพ้นจนไม่สามารถจะเล่นปืน BB.ได้ต่อไป การขายปืน มือสองเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ปืนเก่าสภาพดีราคาถูกเริ่มหาซื้อได้ง่าย แต่ปืนใหม่นั้นจะแพงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ผู้เล่นจึงหันมาซื้อปืนมือสองที่ลงประกาศขายในเว็บไซด์ของมือสองต่างๆ จนบางครั้งเกิดการหลอกลวงต้มตุ๋นกันจนเป็นเรื่องเป็นราวกันมาแล้ว การซื้อขายปืนBB.มือสองนี้เองที่เป็นการทำให้เกิดผู้เล่นใหม่ๆที่เมื่อก่อนไม่มีทางได้เข้าถึงปืนBB.ใหม่ๆได้เลย และในเวลาต่อมาที่เศษฐกิจเริ่มฟื้นตัวผู้เล่นที่เคยหยุดเล่นไปนั้นกลับมามีกำลังเงินที่จะกลับมาเล่นBB.ได้อีก ทำให้จำนวนผู้เล่นมีมากขึ้นเป็นเท่าทวี อีกทั้งการฟื้นตัวคราวนี้นำเอาสื่อต่างๆที่เป็นความรู้ด้านปืนBB.และการเติบโตของกีฬา BB. ในเอเชียก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจผู้นำเขาอิสระต่างๆเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทำให้บรรดาอุปกรณ์ อะไหล่ และเครื่องแต่งตัวต่างๆ นั้นได้ถูกนำเข้ามาในประเทศอย่างลนหลาม เป็นเหตุให้ผู้เล่นมีความรู้มากขึ้นและสามารถใช้อะไหล่แท้ที่ได้มาครฐานมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จากการขยายตัวของกีฬาBB.ในเอเชียนี้เองทำให้เกิดผู้ผลิตใหม่ๆออกมาทำให้ตัวเลือกในการเลือกซื้อปืน BB. มีมากขึ้น เกิดการเปรียบเทียบในด้ายคุณภาพและราคาที่จะจัดให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละบุคลได้ ด้านอะไหล่และชุดแต่งที่เมื่อก่อนเป็นแค่ความฝันก็เริ่มมีการสั่งเข้ามาขายกันอย่างหนาตาจนค่อนข้างจะหาซื้อได้ง่าย ร้านรวงที่เป็นร้านค้ารายย่อยก็เริ่มเกิดขึ้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งของจากร้านใดถ้าในกรณีที่ร้านหนึ่งหาของไม่ได้ อีกร้านก็ยังมี ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมานี้วงการBB.ในไทยเติบโตมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและควบคุมได้ง่าย ก็เพราะว่ากลุ่มผู้เล่นที่เป็นผู้มีฐานะดีเพราะของยังมีราคาสูงอยู่และจับตัวกันแน่นและส่วนมากจะรู้จักกัน ใครจะทำอะไรก็จะรู้ถึงกันหมด การทีผู้มีฐานะไม่ดีหรือปานกลางจะเข้าถึงกีฬาBB.นี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จนเมื่อ ปี พ.ศ. 2547-8 ขึ้นมานี้เองที่เริ่มมีกิจกรรมเกิดขึ้นมามากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เคยซบเซาลงไปและในปลายปี พ.ศ. 2549 ถึงต้นปี 2550 มีกิจกรรมพิเศษๆอย่างที่ไม่เคยมีมาเกิดขึ้นติดๆเลย เป็นการกระตุ้นให้มีผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นผู้เล่นในวงการมากขึ้น ประกอบกับการที่มีสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในท้องตลาดมากขึ้น ทำให้กระแสนิยมในหมู่ผู้เล่นที่มีฐานะปานกลางมีมากขึ้นจนแซงสินค้าจากญี่ปุ่น และ ฮ่องกงที่มีราคาสูงกว่า อีกทั้งผู้ที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นคนส่วนมากของประเทศ นั้นยังมีสิทธิ์เข้าถึงกีฬาBB.ด้วย แต่สินค้าจากประเทศจีนนั้นยังด้อยคุณภาพกว่าสินค้าจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ไต้หวัน เนื่องจากประสบการณ์และความพิถีพิถันในการผลิตชิ้นงาน จากการที่คนส่วนมากสามารถเข้าถึงและเล่นกีฬา BB.ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จึงเกิดผู้เล่นหน้าใหม่ๆขึ้นอย่างมาก ทั้งในเมืองหลวงและตามต่างจังหวัด จากการที่ผู้เล่นแทบจะทุกคนรู้จักกันในยุคก่อน กลายเป็นว่าในสนามกลับมีผู้เล่นมากมายที่ไม่รู้จักกันมาก่อนและเริ่มจะแยกตัวห่างเหินไม่คุยกันข้ามกลุ่มของตนเอง คำว่าขอโทษเริ่มจางหายไป มารยาทที่ดีเริ่มลดลงไป ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ การโวยวาย ตะโกนด่าทอกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นธรรมดากับการที่มีคนหลากหลายที่มา กำพืด และ ชนชั้นเข้ามาอยู่รวมกัน ที่คนต่างชนชั้นมักจะไม่ชอบกันอยู่แล้วเป็นทุนเดิมเมื่อมาพบกันก็จะเกิดขเม่นกันเป็นธรรมดา และด้วยการเกิดของผู้เล่นหน้าใหม่ๆอย่างทะลักทะลายนี้เอง ทำให้ในปี พ.ศ. 2549 ปีเดียวมีสนามเกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ ความน่ากลัวมันอยู่ที่ ความพร้อมทางด้านระเบียบวินัยของวงการ BB.ในเมืองไทยที่ยังไม่สูงมากนักเพราะที่ผ่านมาเราใช้วิธีการควบคุมกันเองแบบเพื่อนขอร้องเพื่อนเพราะเมื่อก่อนจำนวนผู้เล่นยังน้อยอยู่การควบคุมวิธีนี้จึงสามารถกระทำได้ แต่ ในปัจจุบันนี้มีการขยายตัวของวงการจนผู้เล่นมีมากมาย วิธีควบคุมแบบเก่าจึงใช้ไม้ได้ผลอีกต่อไป ทำให้เกิดปัญหาและการแหกกฏเกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญคือ ปัญหาเมื่อผู้เล่นไม่ยอมทำตามกฏของสนามและโดนตักเตือน แต่ ถือตนว่าตนเองมีกำลังพอที่จะสร้างสนามขึ้นมาเองได้และได้สร้างสนามขึ้นมาเอง แล้วจึงเปิดให้กลุ่มของตนเข้าเล่น โดยมีกฏกติกาของตนเองที่อยากจะตั้งก็ตั้งขึ้นมา พอมีผู้เล่นที่อยู่ในแถบนั้นมาเล่นเพิ่มมากขึ้นกติกาแบบนี้จึงเป็ที่ยอมรับในกลุ่มที่เล่นสนามนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วปืนที่อันตรายกว่าที่อื่น กฏการโดนยิงที่บางสนามยังคงชอบแบบยิงจนกว่าจะออก หรือ ต้องโดนเป็นชุดใหญ่ๆเท่านั้นจึงจะออก พอมีกิจกรรมที่จะต้องออกไปเล่นกับผู้เล่นที่มาจากหลายๆสนาม ก็จะเกิดความขัดแย้งกันเรื่องกฏกติกากันโดยความเคยชินของแต่ละคน นี่เป็นตัวอย่างของปัญหาของการเติบโตอย่างรวดเร็วของวงการBB.ของไทยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงเกิดความคิดที่จะมีการจัดระเบียบของสนามและผู้เล่นให้ไปในแนวทางเดียวกัน(ก่อนภาครัฐจะมาจัดให้) โดยได้มีการประชุมกันในผู้กระกอบการในวงการBB.ที่ว่าจะให้มีสมาคมผู้ประกอบการสนามกีฬา BB.และ เพนท์บอล ให้มีการรวมตัวกันตั้งกฏกติกาให้เป็นเหมือนกันหมดทุกสนาม หากมีการลงมติแล้วผู้ที่ฝ่าฝืนก็จะถูกขับออกจากสมาคมและกลายเป็นสนามเถื่อนไปในที่สุด ส่วนผู้เล่นนั้นถ้าสนามมีกฏอย่างไรผูเล่นก็ต้องทำตามกฏอยู่แล้วโดยปริยาย และอาจมีการใช้กฏในการจำกัดความเร็วของปืนBB.มาควบคุมผู้เล่น ให้เป็นที่เท่าเทียมและมีความปลอดภัยกับสังคม การใช้มาตรการควบคุมแบบนี้แม้จะเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับผู้เล่นในช่วงแรกๆแต่เมื่อนานๆไปแล้วก็จะรู้สึกชินไปเอง และระเบียบวินัยของผู้เล่นก็จะประกฏขึ้นในวงการ BB. ของประเทศไทย และนี่คือความเป็นมาของกีฬา BB.ของประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจุบันและสิ่งที่เราวางแผนต่อไปในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น