วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เป็ดปักกิ่ง





เป็ดปักกิ่ง คือชื่อของอาหารจีนที่ขึ้นชื่อชนิดหนึ่ง โดยเป็ดปักกิ่งที่ถือว่าเป็นสูตรดั้งเดิมนั้นต้องเป็นเป็ดพันธุ์เถียนยาที่ได้รับการเลี้ยงด้วยวิธีการพิเศษเท่านั้น ร้านขายเป็ดปักกิ่งชื่อดังซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปก็อาทิเช่น ร้านฉวนจูเต้อ ร้านเปี้ยนอี้ฟัง เป็นต้น


ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์



เราได้ประโยชน์อะไรจากการเรียนคอมพิวเตอร์ 1. ทันสมัย / ทันเหตุการณ์ / ทันข้อมูลข่าวสาร / ทันโลก ช่วยให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก 2. ช่วยให้การเรียน การทำงาน ทันสมัยและไรับความสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น ได้เรียนรู้จากสื่อที่ทันสมัยที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า โปรแกรม CAI 3. เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม ช่วยในการค้นคว้าหาความรู้เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ 4. ช่วยรับ - ส่งข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว 5. ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด เช่น เกม ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง ร้องเพลง 6. ช่วยสร้างงานศิลปะ ออกแบบชิ้นงานได้อย่างสร้างสรรค์ สวยงาม

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. ประโยชน์ทางตรง ช่วยให้มนุษย์ทำงานได้โดยตรงคือคอมพิวเตอร์ทำงานได้เที่ยงตรง รวดเร็ว ไม่เหน็ดเหนื่อย ช่วยผ่อนแรงมนุษย์ ในด้านต่าง ๆเช่น ด้านการคำนวณ พิมพ์งาน บันทึกข้อมูล ประมวลผล ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในแวดวงใน หากนำคอมพิวเตอร์เข้าช่วยงาน จะช่วยแบ่งเบาภาระงานได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิภาพ 2. ประโยชน์ทางอ้อม คอมพิวเตอร์ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น ช่วยในการเรียนรู้ให้ความปันเทิงความรู้ ช่วยงานบันเทิงพัฒนางานด้านต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอันส่งผลให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์ดีขึ้น เป็นต้น

ความเป็นมาของกีฬา BB. ในประเทศไทย

จากเริ่มต้นถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเริ่มรู้จักปืน BB. มาประมาณ 15-20 ปีมาแล้วราวๆปี พ.ศ.2529-2534 ก็ตั้งแต่เริ่มมีปืน BB. กำเนิดขึ้นในญี่ปุ่นไม่นาน โดยนำเข้ามาจากฮ่องกงพร้อมกับพลาสติกโมเดลจากผู้นำเข้าอิสระในขณะนั้น แต่ก่อนที่จะมีปืน BB. ที่ใช้กระสุนทรงกลมขนาด 6 มม.เราชาวไทยได้รู้จักกับโมเดลปืนและปืนแก๊ป ที่ใช้ลูกกระสุนแบบอื่นมาก่อนแล้ว จะเป็นปืนลักษณะใดติดตามได้จากบทความต่อไปนี้ โดยผมจะแบ่งออกเป็น 3 ยุคใหญ่ๆให้ท่านผู้อ่านได้ทราบถึงความเป็นมาของวงการปืน BB.ในประเทศไทยต่อไป ยุคที่1. ปืนโมเดล ราวๆปี พ.ศ. 2520 คนไทยจะรู้จักกับโมเดลปืนที่เป็นเหล็กบ้าง เป็น พลาสติกโมเดลที่จะต้องมาต่อและทำสีเองบ้าง บางแบบก็สามารถยิงได้ บางแบบเป็นปืนแก๊ปที่มีแต่เสียงและยิงอะไรออกมาไม่ได้ แบบที่ยิงได้จะเป็นระบบอัดลมที่คล้ายกับระบบแอร์ค๊อกกิ้ง ส่วนลูกกระสุนจะเป็นลูกพลาสติกรูปทรงคล้ายกระโถนขนาด .177 นิ้ว และ 6 มม. เราจึงเรียกว่าลูกกระโถน แต่เนื่องจากส่วนใหญ่ปืนแบบนี้เป็นพลาสติกโมเดลที่จะต้องนำมาต่อและทำสีเอาเอง และพอทำสีแล้วหากนำไปเล่นบ่อยๆสีก็จะถลอกได้ จึงไม่มีใครนิยมนำออกมาเล่นกันมากนักส่วนใหญ่จะประกอบแล้วแขวนโชว์ไว้ในบ้านมากกว่า ปืนอัดลมแบบนี้ถูกจำลองมาจากปืนหลากหลายรุ่นและแบบมีทั้ง M-16 UZI AK-47 MP-5 และ อีกมากมาย แม้จะผลิตจากวัสดุที่เป็นพลาสติกที่ไม่แข็งแรงแต่ก็เป็นที่นิยมในหมู่นักต่อโมเดลมากในยุคนั้น ส่วนห้างร้านที่นำปืนแบบนี้เข้ามาจำหน่าย ที่ใหญ่ๆก็จะมีไทยไดมารู เซ็นทรัล และ ร้านธนันต์ที่เป็นร้านขายชุดพลาสติกจำลอง ซึ่งบรรดาห้างร้านทั้งหมดนี้ล้วนมีใบอนุญาตนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืนที่ถูกต้องด้วยกันทั้งสิ้น (ตอนนั้นขออนุญาตง่ายมากแต่ต้องต่ออายุปีต่อปี) ผมเองยังจำได้ว่าคุณพ่อเคยซื้อให้แล้วผมก็เอาไปไล่ยิงคนรับใช้ในบ้านจนโดนคุณพ่อยึดไม่ให้เล่นแล้วพ่อก็ให้ลูกพี่ลูกน้องไป ผมร้องไห้ไม่พูดกับพ่อไปเดือนนึงเต็มๆ ต่อมาไม่นานความนิยมปืนโมเดลแบบนี้ก็สลายไป และ นิ่งๆอยู่พักใหญ่ ยุคที่2 ปืนBB. จนมีปืน BB. ที่เป็นปืนสั้นอัดลมและปืนอัดแก๊สเข้ามาขายความนิยมปืนอัดลมจึงเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้กระแสนิยมสูงกว่าเดิม คือ นอกจากผู้เล่นที่เป็นคนเล่นโมเดลเสียส่วนใหญ่ที่จะเล่นปืนโมเดลด้วย มาเป็นผู้เล่นที่เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพื้นฐานที่การต่อโมเดลมาก่อน เนื่องจากปืนแบบใหม่นี้ไม่ต้องประกอบเองและบางแบบก็จะมีวัสดุเป็นเหล็กจึงมีความทนทานกว่าปืนโมเดลแบบเรก อีกทั้งปืน BB.ที่เป็นแก๊สยังสามารถยิงได้ต่อเนื่องในระบบเซมิออโต้ แม้จะยังไม่มีระบบโบว์แบ๊กเหมือนในปัจจุบัน แต่มันก็สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ยิงได้มากกว่าปืนอัดลมแบบเก่า แค่ปืนสั้นอัดแก็ส ก็เป็นที่นิยมกันอย่างมากอยู่แล้วแต่เมื่อมีปืนสั้นออกมาไม่นานปืนยาวอัดแก๊สเข้ามาให้เห็นกันบ้างในประเทศไทย แต่ เหตุการผิดคาดปืนยาวอัดแก๊สกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเนื่องจากราคาที่สูงมากและระบบปฏิบัติการนั้นยังมีปัญหามากและอายุการใช้งานต่ำ ซ้ำอะไหล่ก็หายากในเมืองไทย(บางแบบไม่มีอะไหล่) และ เนื่องจากเป็นปืนที่สามารถยิงแบบอัตโนมัติได้จึงต้องใช้แก๊สในปริมาณมากจึงมีความสิ้นเปลืองสูงเป็นเหตุให้ต้องใช้ถังแก๊สขนาดใหญ่อยู่นอกตัวปืนโดยใช้สายลมต่อเข้ากลับตัวปืนอีกที ด้วยความยุ่งยากอายุการใช้งานต่ำ และ ราคาที่สูงปืนยาวอัดแก๊สจึงไม่ได้รับความนิยมสูงนักในเมืองไทย ปืนBB.ในยุคนี้ไม่ต้องพูดถึงความแม่นยำ ที่ไม่ต้องพูดถึงก็คือมันไม่มีเลย ในระยะ10 เมตรขึ้นไปปืน BB. ยุคนี้จะไม่สามารถคุมกลุ่มกระสุนได้เลยเพราะมันยังไม่มีฮอบอัพเหมือนปืน BB.สมัยใหม่ ผู้เล่นก็จะนิยมซื้อปืน BB.มาเก็บไว้เล่นอยู่ในบ้านหรือ เล่นยิงเป้าธรรมดา เมื่อปืนถึงอายุการใช่งานและพังไปก็ยังไม่มีใคนซ่อมได้สุดท้ายก็ต้องวางไว้เฉยๆหรือทิ้งไป เรื่องที่จะมีการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกมแบบในปัจจุบันนั้น ยังไม่มีใครเล่นเพราะหน้ากากและอุปกรณ์ป้องกันยังไม่มีจึงกลัวจะเป็นอันตรายหากจะนำมาเล่นยิงกัน (แต่ก็มีคนเล่นเหมือนกันสุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บกันจนได้) จนเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีปืน BB.ไฟฟ้าของมารุอิ เข้ามาทำให้กระแสนิยมปืนยาวก็เริ่มสูงขึ้น เพราะปืนที่ราคาถูกกว่าปืนยาวอัดแก๊ส อายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แม้อะไหล่จะยังหายากอยู่แต่ก็สามารถสั่งร้านที่นำเข้ามาให้เอามาได้ และที่สำคัญความสิ้นเปลืองก็ต่ำกว่าเพราะไม่ต้องใช้แก๊สเพียงแต่ชาร์ตแบ็ตฯให้เต็มก็สามารถยิงได้แล้ว ความนิยมปืนยาวไฟฟ้าจึงสูงมากจนไม่มีบรรดาผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงรายใดไม่เคยนำเข้ามาขายเลย ผู้นำเข้าพลาสติกโมเดลอิสระจากฮ่องกงทุกรายต่างแข่งกันนำปืนไฟฟ้าของมารุอิเข้ามาขายจนบางรายเลิกนำเข้าพลาสติกโมเดลและหันมานำเข้าปืน BB.ไฟฟ้านี้แทน แต่ปืนยาว BB.ยุคนี้ก็ยังไม่มีฮ๊อบอัพอยู่ดีความแม่นยำจึงต่ำไปด้วย แม้จะมีปืน BB. ไฟฟ้าแล้วการเล่นแบบเซอร์ไวเวอร์เกม ก็ยังไม่มีอยู่ดีเพราะยังขาดอุปกรณ์ป้องกัน และ ไม่มีสนามให้เล่น แม็กฯโมฯก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ การเล่นส่วนใหญ่ก็ยังเหมือนเดิมคือเล่นอยู่ในบ้านและสะสม ยุคที่3. กีฬา BB. เริ่มจากการเกิดขึ้นของสนาม เพนท์บอล ที่ย่านตะวันนา ข้างๆเดอะมอล์บางกะปิ โดยเจ้าของสนามและเพื่อนๆในสมัยนั้นได้เริ่มนำปืน BB. เข้ามาร่วมเล่นด้วยโดยเป็นการเล่นกันในเวลากลางคืน เพราะเหตุผลด้านกฏหมายในสมัยนั้น และในยุคแรกๆของสนามก็ยังไม่มีปืนและอุปกร BB. ให้ผู้เล่นได้เช่ามีเพียงสนามและอุปกรณ์เพนท์บอลเท่านั้น และต่อมาเมื่อมีผู้เล่นมากขึ้นทางสนามจึงได้มีปืนและอุปกรณ์ BB. ให้เช่าร่วมกันกับกีฬาเพนท์บอลไปด้วย สนามที่ว่านี้ก็คือสนามยุทธกีฬา ร.11 ในปัจจุบันนี้เอง เมื่อมีสนามที่ตะวันนาได้ไม่นานก็เริ่มมีสนามเกิดขึ้นมาใหม่หลายสนามแต่ส่วนมาก จะเป็นสนามเพนท์บอลซะมากกว่า ต่อมาสนามตะวันนาก็ต้องปิดตัวลงและย้ายไปอยู่ที่ตลาดปฐวิกร (หลังโรงเรียน บดินเดชา 2) ซึ่งที่นี้เองที่อาจจะนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มของวงการ BB. ในไทยเลยก็ว่าได้ และผมเองก็ได้เริ่มเล่น BB. จากจุดนี้ และ ถ้านับถึงปัจจุบันก็ 11 ปีแล้วละครับ ด้วยเหตุที่สนามมีไม่เพียงพอรวมทั้งผู้เล่นก็ยังไม่แพร่หลายนักทำให้ผู้เล่นรวมตัวกระจุกันอยู่ที่ปฐวิกรเสียมากกว่า ในสมัยนั้นผู้เล่นยังน้อยเสียจนสามารถนับตัวผู้เล่นได้และผู้เล่นทั้งหมดส่วนมากจะรู้จักกัน และสนามเริ่มมีการประชาสัมพันธ์ ทำให้ BB. เริ่มมีคนรู้จักเพิ่มขึ้น บรรยากาศในสนามสมัยนั้นบอกได้ว่าสนุกมากครับ และมารยาทเป็นเรื่องสำคัญ มากในสมัยนั้น ทั้งในสนามและนอกสนาม จะได้ยินแต่คำขอโทษ สนามปฏวิกรเปิดอยู่ที่นั้นได้พักใหญ่ๆ หลังจากนั้นไม่นานสนามปฏวิกรก็ต้องย้ายอีกครั้งมาที่ แถบย่านรามอินทรา (เรียบทางด่วน) ในยุคนี้เองที่วงการกีฬา BB. ของไทยได้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง คือเริ่มมีการจัดออนทัวร์ออกไปเล่นนอกสถานที่ จากเดิมที่เคยเล่นในสนามกันอย่างเดียว และในเวลานี้เองที่นิตยสาร เกมกันแม็กกาซีน ของเราได้ถือกำเนิดขึ้น โดยมีบางออนทัวร์เราเป็นโต้โผในการจัดงาน วงการ BB.ช่วงนี้เติบโตแบบช้าๆค่อยเป็นค่อยไป ปืน BB. ที่ใช้ก็ยังคงเป็นปืนปืนยี่ห้อ มารุอิเป็นส่วนใหญ่ (95%) จะมียี่ห้ออืนน้อยมาก ยี่ห้อ ทานากะ มารุเซ็น และอื่นๆที่ในสมัยนี้ถือว่าปกติ ใครใช้ปืนพวกนี้จะถือว่าแปลกและมักหาอะไหลได้ยากต้องสั่งพิเศษเข้ามาเท่านั้น ส่วนร้านค้าและผู้นำเข้าก็จะเป็นผู้นำเข้าอิสระ ผู้นำเข้ารายใหญ่ๆในสมัยนั้นก็มี ร้าน KPN. ของพี่ไก่ ร้านเฮียฉิ่ม ส่วนผู้ค้ารายอื่นๆก็จะรับจากสองรายนี้ไปขายกันอีกทอดหนึ่ง หรือไม่ก็มีสายนำเข้ามาเองแต่ก็ไม่มากนัก การซื้อขายนั้นยังเป็นระบบต้องสั่งล่วงหน้าหรือต้องสั่งก่อนจึงจะได้ของ ยังไม่มีโชว์รูมที่สามารถโชว์ของได้เนื่องจากข้อกฏหมายบางประการ พอปืนBB.มีให้เล่นกันมากขึ้นสื่อต่างๆของกีฬา BB. ก็มีให้ติดตามมากขึ้นไปด้วยเช่นกัน ผู้เล่นเริ่มเห็นว่าปืนของตนสามารถตกแต่งให้สวยงามและแรงได้ จึงมีการคิดที่จะแต่งปืน แต่ บรรดาอะไหล่และช่างปืน BB.นั้นยังน้อยอยู่ ช่างบางรายก็เป็นเดียวกับผู้ค้า และในยุคแรกๆนี้ใครซื้อปืนกับใครก็ควรให้ผู้ขายนั้นเป็นผู้แต่งหรือซ่อมปืนให้ ช่างบางรายจะไม่ซ่อมหรือแต่งปืนให้กับผู้ซื้อท่านอื่นที่ไม้ได้ซื้อกับตน โดยมากจะซื้อปืนที่สนามและให้ช่างประจำสนามซ่อมหรือแต่งปืนให้ ส่วนการแต่งปืนนั้น เนื่องจากอะไหล่และอุปกรณ์ต่างๆจะไม่ครบและหายากในประเทศ จนต้องมีการนำวัสดุที่มีในประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานมาดัดแปลงใช้กับตัวปืนทำให้บางครั้งปืนBB.เกิดชำรุดเสียหายอย่างไม่สมควร และช่างในยุคเริ่มต้นนี้ก็ยังไม่มีความรู้อะไรมากนักการแต่งปืนจึงเป็นการลองผิดลองถูกเสียมากกว่า อายุเฉลี่ยของปืน BB.ที่แต่งแล้วจะสามารถอยู่ได้ประมาณ หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น จึงมีผู้เล่นบางส่วนกลัวที่จะแต่งจนเป็นนิสัยตกทอดมาถึงปัจจุบัน ก็เพราะความขาดความเข้าใจในระบบกลไกของตัวปืน ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ติดตั้งบนตัวปืนนั้นถ้าไม่ใช้อุปกรณ์ที่ทางมารุอิผลิตขึ้นมาก็จะต้องใช้อุปกรณ์ทีใช้กับปืนจริงที่มีราคาสูง เช่นถ้าใครติดกล้องเรดดดอดแล้วจะถือว่าผู้นั้นมีฐานะที่ดีมากเลยทีเดียว กล้องสโคบก็มีราคาสูงอยู่มากแม้จะเริ่มมีของจีนเข้ามาขายบ้างแล้วแต่ก็ไมีไม่มากและยังหายากอยู่ มีเรื่องที่ถ้าคิดย้อนกลับไปแล้วอดนึกขำไม่ได้หลายเรื่องที่ถ้าเป็นตอนนี้เราคงไม่กระทำและบางเรื่องเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไรที่ผู้เล่นBB.พึงกระทำ เช่น ด้วยความที่กล้องเรดดอดนั้นหายากและมีราคาสูงมาก เราจึงเห็น MP-5 ที่เป็นปืนกลมือ แต่กลับติดกล้องสโคบที่มีกำลังขยายสูงๆที่ควรจะติดปืนไรเฟิลมากกว่า และ การที่มีปืนแต่งเฟืองรูดทุกอาทิตย์ด้วยเหตุที่ใช้สปริงแข็งมากๆ(ไปเดินหาสปริงเอาเองย่านคลองถม)แต่ไม่ใส่ห้วและแกนท้ายที่เป็นลูกปืนและช่างกับเจ้าของปืนก็ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องปกติ แล้ว ยังมีที่ใช้สปริงเบอร์แข็งๆแต่ไม่เปลี่ยนบูชิ่งให้มาเป็นบูชิ่งโลหะเสียก่อน เฟืองจึงล้มและเสียหายไปทั้งระบบเกียร์บ๊อก รวมทั้งการที่มีเจ้าหน้าที่ประจำสนามหลายๆคนหัวใสคิดนำเอาลูกBB.ที่ยิงแล้สในสนามมาร่อนเอาดินออกและนำมาหมุนเวียนขายให้กับลูกค้าที่มาเล่น โดยมีราคาขายที่ถูกกว่าลูกBB.ใหม่มาก ซึ่งก็นั้นละครับปืนพังกันไปเป็นแถว จนเจ้าของสนามต้องสั่งเลิกการกระทำเช่นนี้ไป ที่นึกขึ้นมาแล้วต้องอมยิ้มทุกครั้งก็คือการแต่งตัวของผู้เล่น คือ ยุคนั้นเสื้อเกราะเสื้อเวสต์นั้นยังหาไม่ได้ง่ายนักการใส่เสื้อกั๊กของช่างภาพที่มีกระเป๋ษเล็กๆที่พอจะใส่แม็กฯสำรองได้นั้นเป็นที่ยอมรับและนิยมมาก หรือไม่ก็มีผู้เล่นหัวใสที่ตักชุดเกราะจากเสื่อนำ้มันหุ้มด้วยผ้าไนล่อนขึ้นมาใช้เอง ในสมัยนี้พอเอารูปเก่าๆมาดูก็อดขำตัวเองและเพื่อนๆไม่ได้ว่าทำไปได้อย่างไรนะ การเล่นในยุคแรกๆจะเป็นการเล่นที่ค่อนข้างหลบๆซ่อนๆ กล่าวคือจะต้องเล่นกันเฉพาะในเวลากลางคืน และเล่นกันอยู่ในหมู่คนที่ไม่มากนัก การที่จะเล่นเวลากลางวันจะน้อยมากแถบจะไม่มีเลย แต่ การเล่นในเวลาที่แสงธรรมชาติหมดลงไปแล้วก็นับเป็นการเล่นที่สนุกและยากกว่าการเล่นกลางวันใยปัจุบันมากเลย โดยผู้เล่นทุกคนจะเริ่มทยอยมาถึงสนามใยเวลาประมาณ 3 ทุ่ม และจะเริ่มเล่นกันจริงๆได้ในเวลา 4-5 ทุ่ม จากนั้นก็เล่นกันไปยันตี 2 ตี 3 กันเลยทีเดียว บางที่อาจถึงเช้าเลย และจะเป็นแค่คืนวันเสาร์เท่านั้นที่มีการเล่น BB. กันในสนาม สำหรับในต่างจังหวัดก็จะมีบางที่เล่นกัน แต่จะเป็นการนัดเล่นกันเองในกลุมมากกว่าที่จะเป็นการเล่นที่มีสนามชัดเจน การนัดกันเล่นเองในกลุ่มก็มีเช่นกันในกรุงเทพฯ แต่จะเป็นการเล่นที่ค่อนข้าอันตรายและผิดกฏหมายอยู่ เช่นการนัดกันเล่นที่คลังสินค้าย่านพหลฯ ที่เป็นการเล่นแบบนัดกันเองในสถานที่ที่ไม่ได้มีการจัดเตรียมบอกกล่าวกับเจ้าของสถานที่ให้แน่ชัดเป็นต้น บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดกับผู้อื่นจนเป็นเรื่องราวเกิดขึ้น จนเมื่อย่างเข้าปี พ.ศ. 2542 ที่วงการBB.ของไทยได้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากการที่สนามได้เริ่มออกกฏที่แน่นอนว่าโดนนัดเดียวก็ต้องออก และมีการใช้กติกา ยูเดด ในระยะใกล้ จากที่เมื่อก่อนจะต้อง ยิงจนกว่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะเจ็บจนทนไม่ได้และยอมออกไป ความต้องการที่จะเล่นนอกสนามก็ยังคงมีอยู่ แต่ ได้มีการขอร้องและขอความร่วมมือกับผู้เล่นว่าถ้าไม่แน่นอนว่าจะเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยแล้วก็อย่าออกไปเล่นเลย ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออยู่มากเลยทีเดียว (ก็คนมันยังน้อยอยู่นี่) แต่ความต้องการออกไปเล่นนอกสถานที่ก็ยังคงไม่จางหายไป เนื่องจากมีเสียงเรียกร้องออกมามาก ทางสนามจึงรวมตัวกับผู้ประกอบการด้านกีฬา BB. ที่ในตอนนั้นนิตยสารเกมกันของเราได้เปิดตัวแล้ว และเราก็เป็นผู้จัดหลักๆในคณะผู้จัดงานด้วย โดยได้เริ่มจัดงานออนทัวร์ต่างๆขึ้นมาหลายงาน จนได้กระแสตอบรับที่ดีจากผู้เล่น เพราะนั่นเป็นครั้งแรกๆที่ผู้เล่นในเมืองไทยได้ออกไปเล่นนอกสถานที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงอันตรายและกลัวว่าจะมีใครเข้าใจผิดเกิดขึ้น และบางงานก็ยังจัดในพื้นที่ของทหารและได้มีทหารจริงๆมาร่วมเล่นกับผู้เล่นอีกด้วย ในช่วงนี้กีฬาBB.ในไทยเฟื่องฟูขึ้น แต่ก็จะสะดุดเล็กน้อยเหตุจากสภาวะเศษฐกิจตกตำ่ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องผลอยชะงักไปด้วย ผู้เล่นที่มีฐานะดีบางคนต้องกลายเป็นบุคลล้มละลายเนื่องจากกิจการล้มเหลวและมีหนี้สินล้นพ้นจนไม่สามารถจะเล่นปืน BB.ได้ต่อไป การขายปืน มือสองเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ปืนเก่าสภาพดีราคาถูกเริ่มหาซื้อได้ง่าย แต่ปืนใหม่นั้นจะแพงขึ้นเป็นหลายเท่าตัว ผู้เล่นจึงหันมาซื้อปืนมือสองที่ลงประกาศขายในเว็บไซด์ของมือสองต่างๆ จนบางครั้งเกิดการหลอกลวงต้มตุ๋นกันจนเป็นเรื่องเป็นราวกันมาแล้ว การซื้อขายปืนBB.มือสองนี้เองที่เป็นการทำให้เกิดผู้เล่นใหม่ๆที่เมื่อก่อนไม่มีทางได้เข้าถึงปืนBB.ใหม่ๆได้เลย และในเวลาต่อมาที่เศษฐกิจเริ่มฟื้นตัวผู้เล่นที่เคยหยุดเล่นไปนั้นกลับมามีกำลังเงินที่จะกลับมาเล่นBB.ได้อีก ทำให้จำนวนผู้เล่นมีมากขึ้นเป็นเท่าทวี อีกทั้งการฟื้นตัวคราวนี้นำเอาสื่อต่างๆที่เป็นความรู้ด้านปืนBB.และการเติบโตของกีฬา BB. ในเอเชียก็สูงขึ้นอย่างน่าตกใจผู้นำเขาอิสระต่างๆเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ทำให้บรรดาอุปกรณ์ อะไหล่ และเครื่องแต่งตัวต่างๆ นั้นได้ถูกนำเข้ามาในประเทศอย่างลนหลาม เป็นเหตุให้ผู้เล่นมีความรู้มากขึ้นและสามารถใช้อะไหล่แท้ที่ได้มาครฐานมากขึ้นกว่าแต่ก่อน จากการขยายตัวของกีฬาBB.ในเอเชียนี้เองทำให้เกิดผู้ผลิตใหม่ๆออกมาทำให้ตัวเลือกในการเลือกซื้อปืน BB. มีมากขึ้น เกิดการเปรียบเทียบในด้ายคุณภาพและราคาที่จะจัดให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละบุคลได้ ด้านอะไหล่และชุดแต่งที่เมื่อก่อนเป็นแค่ความฝันก็เริ่มมีการสั่งเข้ามาขายกันอย่างหนาตาจนค่อนข้างจะหาซื้อได้ง่าย ร้านรวงที่เป็นร้านค้ารายย่อยก็เริ่มเกิดขึ้น เราสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งของจากร้านใดถ้าในกรณีที่ร้านหนึ่งหาของไม่ได้ อีกร้านก็ยังมี ในระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมานี้วงการBB.ในไทยเติบโตมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและควบคุมได้ง่าย ก็เพราะว่ากลุ่มผู้เล่นที่เป็นผู้มีฐานะดีเพราะของยังมีราคาสูงอยู่และจับตัวกันแน่นและส่วนมากจะรู้จักกัน ใครจะทำอะไรก็จะรู้ถึงกันหมด การทีผู้มีฐานะไม่ดีหรือปานกลางจะเข้าถึงกีฬาBB.นี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จนเมื่อ ปี พ.ศ. 2547-8 ขึ้นมานี้เองที่เริ่มมีกิจกรรมเกิดขึ้นมามากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เคยซบเซาลงไปและในปลายปี พ.ศ. 2549 ถึงต้นปี 2550 มีกิจกรรมพิเศษๆอย่างที่ไม่เคยมีมาเกิดขึ้นติดๆเลย เป็นการกระตุ้นให้มีผู้ที่สนใจเข้ามาเป็นผู้เล่นในวงการมากขึ้น ประกอบกับการที่มีสินค้าจากประเทศจีนเข้ามาขายในท้องตลาดมากขึ้น ทำให้กระแสนิยมในหมู่ผู้เล่นที่มีฐานะปานกลางมีมากขึ้นจนแซงสินค้าจากญี่ปุ่น และ ฮ่องกงที่มีราคาสูงกว่า อีกทั้งผู้ที่มีรายได้น้อยซึ่งเป็นคนส่วนมากของประเทศ นั้นยังมีสิทธิ์เข้าถึงกีฬาBB.ด้วย แต่สินค้าจากประเทศจีนนั้นยังด้อยคุณภาพกว่าสินค้าจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และ ไต้หวัน เนื่องจากประสบการณ์และความพิถีพิถันในการผลิตชิ้นงาน จากการที่คนส่วนมากสามารถเข้าถึงและเล่นกีฬา BB.ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก จึงเกิดผู้เล่นหน้าใหม่ๆขึ้นอย่างมาก ทั้งในเมืองหลวงและตามต่างจังหวัด จากการที่ผู้เล่นแทบจะทุกคนรู้จักกันในยุคก่อน กลายเป็นว่าในสนามกลับมีผู้เล่นมากมายที่ไม่รู้จักกันมาก่อนและเริ่มจะแยกตัวห่างเหินไม่คุยกันข้ามกลุ่มของตนเอง คำว่าขอโทษเริ่มจางหายไป มารยาทที่ดีเริ่มลดลงไป ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ การโวยวาย ตะโกนด่าทอกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นธรรมดากับการที่มีคนหลากหลายที่มา กำพืด และ ชนชั้นเข้ามาอยู่รวมกัน ที่คนต่างชนชั้นมักจะไม่ชอบกันอยู่แล้วเป็นทุนเดิมเมื่อมาพบกันก็จะเกิดขเม่นกันเป็นธรรมดา และด้วยการเกิดของผู้เล่นหน้าใหม่ๆอย่างทะลักทะลายนี้เอง ทำให้ในปี พ.ศ. 2549 ปีเดียวมีสนามเกิดขึ้นอย่างมากมายเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ ความน่ากลัวมันอยู่ที่ ความพร้อมทางด้านระเบียบวินัยของวงการ BB.ในเมืองไทยที่ยังไม่สูงมากนักเพราะที่ผ่านมาเราใช้วิธีการควบคุมกันเองแบบเพื่อนขอร้องเพื่อนเพราะเมื่อก่อนจำนวนผู้เล่นยังน้อยอยู่การควบคุมวิธีนี้จึงสามารถกระทำได้ แต่ ในปัจจุบันนี้มีการขยายตัวของวงการจนผู้เล่นมีมากมาย วิธีควบคุมแบบเก่าจึงใช้ไม้ได้ผลอีกต่อไป ทำให้เกิดปัญหาและการแหกกฏเกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญคือ ปัญหาเมื่อผู้เล่นไม่ยอมทำตามกฏของสนามและโดนตักเตือน แต่ ถือตนว่าตนเองมีกำลังพอที่จะสร้างสนามขึ้นมาเองได้และได้สร้างสนามขึ้นมาเอง แล้วจึงเปิดให้กลุ่มของตนเข้าเล่น โดยมีกฏกติกาของตนเองที่อยากจะตั้งก็ตั้งขึ้นมา พอมีผู้เล่นที่อยู่ในแถบนั้นมาเล่นเพิ่มมากขึ้นกติกาแบบนี้จึงเป็ที่ยอมรับในกลุ่มที่เล่นสนามนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วปืนที่อันตรายกว่าที่อื่น กฏการโดนยิงที่บางสนามยังคงชอบแบบยิงจนกว่าจะออก หรือ ต้องโดนเป็นชุดใหญ่ๆเท่านั้นจึงจะออก พอมีกิจกรรมที่จะต้องออกไปเล่นกับผู้เล่นที่มาจากหลายๆสนาม ก็จะเกิดความขัดแย้งกันเรื่องกฏกติกากันโดยความเคยชินของแต่ละคน นี่เป็นตัวอย่างของปัญหาของการเติบโตอย่างรวดเร็วของวงการBB.ของไทยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงเกิดความคิดที่จะมีการจัดระเบียบของสนามและผู้เล่นให้ไปในแนวทางเดียวกัน(ก่อนภาครัฐจะมาจัดให้) โดยได้มีการประชุมกันในผู้กระกอบการในวงการBB.ที่ว่าจะให้มีสมาคมผู้ประกอบการสนามกีฬา BB.และ เพนท์บอล ให้มีการรวมตัวกันตั้งกฏกติกาให้เป็นเหมือนกันหมดทุกสนาม หากมีการลงมติแล้วผู้ที่ฝ่าฝืนก็จะถูกขับออกจากสมาคมและกลายเป็นสนามเถื่อนไปในที่สุด ส่วนผู้เล่นนั้นถ้าสนามมีกฏอย่างไรผูเล่นก็ต้องทำตามกฏอยู่แล้วโดยปริยาย และอาจมีการใช้กฏในการจำกัดความเร็วของปืนBB.มาควบคุมผู้เล่น ให้เป็นที่เท่าเทียมและมีความปลอดภัยกับสังคม การใช้มาตรการควบคุมแบบนี้แม้จะเป็นการสร้างความอึดอัดให้กับผู้เล่นในช่วงแรกๆแต่เมื่อนานๆไปแล้วก็จะรู้สึกชินไปเอง และระเบียบวินัยของผู้เล่นก็จะประกฏขึ้นในวงการ BB. ของประเทศไทย และนี่คือความเป็นมาของกีฬา BB.ของประเทศไทยตั้งแต่เริ่มต้นถึงปัจุบันและสิ่งที่เราวางแผนต่อไปในอนาคต



ปลาไหลมอเรย์ (Moray Eels)



เป็นปลาไหลทะเลที่มีลักษณะลำตัวยาวคล้ายงูและมีฟันที่ี่แหลมคมมาก นิสัยดุร้าย ชอบอาศัยอยู่ตามรูหรือโพรงหินในแนวปะการัง และโผล่แต่เพียงหัวออกมาพร้อมอ้าปากให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคม ช่วงเวลากลางคืนจึงจะออกหาอาหารจำพวกปลา โดยจะเคลื่อนตัวออกมาจากรู และกลับเข้ารูเดิมได้อย่างถูกต้อง ปลาไหลมอเรย์มีหลายชนิด บาง ชนิดมีสีดำ สีน้ำตาล หรือลายเสือดาวส่วนความยาว โดย- บางชนิดยาวมากกว่า 2 เมตร และหนักมากกว่า 35 กก. ปลาชนิดนี้จะผสมพันธุ์และวางไข่ในที่มีสาหร่ายหรือหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์ปลาไหลมอเรย์ เป็นปลาไหลทะเลซึ่งถือเป็นผู้ควบคุมปริมาณสิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง ถ้าบริเวณใดไม่พบปลาไหลมอเรย์ หรือพบน้อยมากแสดงว่า จุดนั้นมีปริมาณและความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตต่ำโดยเฉพาะพวกกุ้งและปู ปลาไหลมอเรย์เป็นหนึ่งในปลาล่าเหยื่อที่สำคัญที่สุด รูปร่างเหมือนปลาไหล ผิวหนังเรียบ หนา ลื่น ไม่มีเกล็ดช่องเหงือกมองเห็นไม่ชัดเจน จุดเด่นคืออวัยวะใช้รับกลิ่นหนึ่งคู่ที่ปลายปาก หน้าตาน่ากลัว มีเขี้ยวแหลม แถมอ้าปากเป็นระยะ แต่ความจริงแล้วนั่นคือส่วนหนึ่งของวิธีการหายใจ มักซ่อนตัวตามซอกโพรงในเวลากลางวัน เมื่ออาทิตย์ตกดินจึงเลื้อยออกมาหาอาหาร ของโปรดคือกุ้งและปู จัดเป็นผู้ล่าสัตว์เล็กมากกว่า 40 % ์ของแนวปะการังถึงแม้ว่า ปลาไหลมอเรย์จะมีรูปร่างที่ดูน่ากลัว แต่ปลากลุ่มนี้จะไม่ดุร้าย โอกาสที่จะโดนกัดมักจะเป็นช่วงผสมพันธุ์หรืออยู่ในโพรง



ปลาวาฬเพชรฆาต

ปลาวาฬเพชรฆาต เป็นปลาที่อยู่ในตระกูลของโลมา ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมักจะถูกมนุษย์นำมาเลี้ยงไว้ในสวนน้ำ พร้อมกับฝึกฝนเพื่อใช้แสดง เนื่องจากความฉลาดแสนรู้ของมัน แม้ว่าชื่อของมัน จะฟังดูน่ากลัวแต่รับรองได้ว่า ไม่ทำอันตรายมนุษย์แน่นอน

ออร์ก้า (Orca) เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ใช้เรียก ปลาวาฬเพชรฆาต (Killer whale) มันมีลักษณะเด่นที่ลวดลาย ซึ่งลำตัวด้านหลังของมัน จะเป็นสีดำ มีสีขาวที่ใต้ท้องและอก รวมทั้งรอบดวงตา ก็เป็นขีดสีขาวเช่นกัน นอกจากนี้ ทั้งครีบหลังของมัน ที่ตั้งฉากและสูงกว่าปลาวาฬอื่นๆ โดยเฉพาะตัวผู้ที่มีครีบหลังสูงถึง2 เมตร ซึ่งครีบหลังของตัวเมียจะไม่ค่อยตั้งฉาก แต่จะเอนไปทางด้านหลังมากกว่า ปลาวาฬเพชรฆาตตัวผู้ จะมีขนาดประมาณ 9.5 เมตร และประมาณ 6,500 กิโลกรัม ส่วนตัวเมียจะมีขนาด 7-8 เมตร และหนักประมาณ 4,500 กิโลกรัม ส่วนใหญ่แล้ว สามารถพบปลาวาฬชนิดนี้ ได้ในมหาสมุทรทั่วโลก โดยเฉพาะแถบอุณหภูมิต่ำ อย่างขั้วโลกเหนือ รวมทั้งมหาสมุทรอาร์คติก และแอนตาร์กติกจะพบได้มาก เนื่องจากในน้ำแถบนั้น มีธาตุอาหารที่อุดสมบูรณ์ เหมาะแก่การอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ จึงนับว่าเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของนักล่าอย่างปลาวาฬเพชรฆาต ซึ่งต้องการอาหารเป็นสัตว์เลือดอุ่นวันละ 60 กิโลกรัม โดยเหยื่อเหล่านั้นได้แก่ ปลา ปลาหมึก แมวน้ำ นกทะเล สิงโตทะเล เต่าทะเล ปลาโลมา เป็นต้น ปลาวาฬเพชรฆาตจะอยู่กันเป็นฝูงประมาณ 5-30 ตัว และหากินแบบแท็กทีม ทำให้มันสามารถล้มปลาวาฬสีน้ำเงิน ที่มีขนาดใหญ่ มหึมาและฉลามขาวได้ ด้วยการกัดที่หางของเหยื่อ เพื่อทำให้เหยื่อ ไม่สามารถว่ายน้ำหนีได้ รวมทั้งยังสามารถ เหวี่ยงเหยื่อที่มีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัม ให้ลอยอยู่กลางอากาศได้ โดยเฉพาะการคว่ำแผ่นน้ำแข็ง เพื่อลากแมวน้ำลงมาเป็นอาหาร นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ "ปลาวาฬเพชรฆาต" โดยภายในกลุ่ม จะประกอบด้วยตัวผู้วัยฉกรรจ์เพียงหนึ่งตัว ตัวเมียวัยเจริญพันธ์มากกว่า 1 ตัว และลูกๆ ของพวกมัน ซึ่งจะว่ายน้ำไปพร้อมๆ กัน โดยมีระยะห่างไม่เกิน 1 กิโลเมตร โดยจะว่ายเหนือผิวน้ำ ด้วยความเร็วประมาณ 10-15 กิโลเมตร / ชั่วโมง แต่ความเป็นจริงแล้ว มันสามารถว่ายได้เร็วกว่า 50 กิโลเมตร / ชั่วโมง และดำน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร นอกจากความสามารถในการล่าแล้ว ปลาวาฬเพชรฆาต ยังส่งสัญญาณโซนาร์ใต้น้ำ เพื่อหาตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุตรงหน้า และยังมีความสามารถ ในการสอดแนม โดยใช้การลอยตัวตั้งขึ้นตรง เหนือน้ำ เพื่อหาเหยื่อและสอดส่องอันตรายรอบตัว โดยจะใช้หางช่วยพยุงให้ตัวตั้งขึ้น หรือที่เรียกว่า "Spyhopping”





BMW Z4 sDrive35is



เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบใหม่ ขยับความแรงเทียบชั้นซูเปอร์คาร์ BMW Z4 sDrive35is เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบใหม่ ขยับความแรงเทียบชั้นซูเปอร์คาร์ บีเอ็มดับเบิลยู Z4 เสริมแนวรุกด้วยรุ่นใหม่ sDrive35is ขยับความแรงด้วยการปรับปรุงเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบใหม่ มาพร้อมช่วงล่าง M Suspension กระชากสมรรถนะเทียบชั้นซูเปอร์คาร์ เตรียมเปิดตัวใน ดีทรอยต์ ออโต้ โชว์ หรือ North American International Auto Show (NAIAS) ปี 2010 เครื่องยนต์เดิม 6 สูบ 2,979 ซีซี กระบอกสูบ 84.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 89.6 มิลลิเมตร ได้รับการปรับปรุงระบบไดเร็กอินเจ็คชั่นใหม่ เปลี่ยนหัวฉีดที่มีความละเอียดมากขึ้น รองรับแรงดันสูงระดับ 200 บาร์ ระบบอัดอากาศทวินเทอร์โบก็ได้รับการปรับปรุง เพื่อให้ตอบสนองได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ ใช้เทอร์โบตัวเล็กทั้ง 2 ตัว เพื่อลดอาการ Turbo Lag โดยเทอร์โบแต่ละตัวจะแบ่งอัดอากาศเข้าตัวละ 3 กระบอกสูบ พร้อมปรับเพิ่มบูสเทอร์โบ ขยับสมรรถนะจากเดิม 306 มาเป็น 340 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาทีเท่าเดิม และแรงบิด 45.85 กก.-ม. ที่ 1,400-4,500 รอบต่อนาที (เดิม 40.76 กก.-ม. ที่ 1,300-5,000 รอบต่อนาที) มีโหมด Overboost ให้แรงบิดเพิ่มขึ้น 5 กก.-ม. ชั่วคราวสำหรับเร่งแซง ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะดับเบิลคลัตช์ มีโหมด Normal, Sport และ Sport + พร้อมระบบ Launch Control ช่วยให้ออกตัวได้อย่างรวดเร็ว ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 210 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งเท่ากับรุ่น sDrive35i Z4 sDrive35is มาพร้อม M Sports Package ประกอบด้วยชุดแต่งภายนอก M Aerodynamics Package ระบบกันสะเทือนพร้อมช๊อกแอ๊บซอร์เบอร์ปรับความหนืดด้วยระบบไฟฟ้า M Suspension ลดความสูงจากรุ่นพื้นฐาน 10 มิลลิเมตรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ล้อแม็กลาย 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และมีล้อ 19 นิ้วเป็นอุปกรณ์พิเศษ Z4 sDrive35is มี 6 สี ขาว Alpine White เมมัลลิก, เงิน Titanium Silver, ดำ Sapphire Black, เทา Space Grey, น้ำเงิน Deep Sea Blue และเป็นครั้งแรกของ Z4 ที่มีสีแดง Melbourne Red เมทัลลิกให้เลือก



เต่าญี่ปุ่น



ชื่อสามัญ เต่าแก้มแดง

ชื่อวิทยาศาสตร์ Red-eared Slider

ถิ่นกำเนิดจากแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ สหรัฐอเมริกา(หาได้มาจากประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด)

อายุ เท่าที่มีการจดบันทึก มีอายุถึง ๓๐ ปีแต่ก่อนประเทศญี่ปุ่นนำเข้าเต่าชนิดนี้จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อมาขายเป็นสัตว์เลี้ยงในประเทศตน และมีการขายต่อกันมาเป็นทอด ๆ กระจายกันไปทั่วทวีปเอเชีย จึงเข้ามาสู่บ้านเราได้ด้วยประการนี้ แต่ละปีทั่วโลกจะซื้อหาเต่าแก้มแดงเพื่อการเป็นสัตว์เลี้ยงมากมายหลายล้านตัว โดยฟาร์มที่เพาะพันธุ์ขนาดใหญ่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยก็สามารถเพาะพันธุ์ได้เช่นกัน แต่ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงต้องนำเข้าเป็นส่วนใหญ่เต่าแก้มแดง เป็นเต่าที่อาศัยอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก เราจึงเรียกว่า เต่าน้ำทั้งมีสรีระร่างกายที่เอื้อประโยชน์ต่อการมีชีวิตอยู่ในน้ำอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นพังผืดเชื่อมระหว่างนิ้วเท้า เพื่อช่วยในการว่ายน้ำหนังตาใส ๆ ไว้ปิดตาเมื่อดำน้ำคล้ายหน้ากากกันน้ำ เป็นต้น ตอนเล็กๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณเท่าลูกปิงปองเลือกซื้ออาหารเฉพาะสำหรับเต่าน้ำ ( Aquatic turtle) อย่าลืมนะครับว่า คุณภาพอาหารและราคานั้นไปในทิศทางเดียวกัน และถ้าจะให้ดี เลือกอาหารที่มีฉลากแปะข้างขวด เป็นภาษาที่ท่านสามารถอ่านได้นะครับ เพราะเราจะเข้าใจส่วนประกอบของสารอาหารและทราบวันหมดอายุอีกด้วย เสริมเรื่องอาหาร จากที่ได้ศึกษาในเว็บบอร์ดแห่งนี้ ควรเสริมด้วยอาหารจำพวกเนื้อเพิ่มและผักเข้าไปด้วยครับนอกจากอาหารเม็ด เช่น กุ้งฝอย อาหารปลาดุก ... และอื่นๆ การเตรียมสถานที่เลี้ยง เราทราบแล้วว่าเขาเป็นเต่าน้ำมาจากแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ ก็ควรจะเลี้ยงในสภาพกึ่งธรรมชาติ เพราะเต่าต้องการพื้นที่ว่ายน้ำ , พื้นที่สำหรับขึ้นมากินอาหารบวกกับการพักผ่อนบนบก และพื้นที่สำหรับการขึ้นมาตากแดดเพื่อสุขภาพที่ดี กระผมขอแนะนำให้ใช้ตู้เลี้ยงปลาหรือบ่อธรรมชาติกลางแจ้ง ที่มีพื้นที่แห้งและบ่อน้ำขนาดเล็ก แต่ต้องเพียงพอรองรับการเติบโตในอนาตคได้ด้วย เพราะเต่าแก้มแดงเมื่อโตเต็มที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกระดองไม่ต่ำกว่า ๓๐ เซนติเมตรหรือ ๑ ฟุตทีเดียว ส่วนความสูงของขอบบ่อหรือตู้ปลาก็ไม่ควรจะต่ำกว่า ๓๐ เซนติเมตร เพราะเต่าแก้มแดงปีนเก่งมากแยกเพศด้วยการสังเกตตาเปล่ามีจุดให้สังเกตดังนี้ จุดแรก เล็บที่ขาหน้า เต่าตัวผู้จะมีเล็บยาวมากกว่าในตัวเมีย ด้วยเพราะต้องใช้ในการเกาะด้านข้างของกระดองตัวเมียเพื่อการผสมพันธุ์ จุดที่สอง รูปทรงกระดอง เมื่อนำมาวางเปรียบเทียบกัน จะพบว่ากระดองของเต่าตัวเมียจะมีขนาดใหญ่และกว้างกว่าตัวผู้ เพราะต้องคอยรับการขึ้นขี่หลังของตัวผู้ระหว่างขั้นตอนการผสมพันธุ์ จุดสุดท้าย หางของเต่าตัวผู้จะยาวและเรียวกว่าเต่าตัวเมียมาก แยกเพศขณะยังเล็กๆก็ขอให้ท่านดูที่หางเป็นหลัก เพราะถ้านำมาเปรียบเทียบกัน จะพบว่าตัวผู้จะมีหางยาวกว่าตัวเมียเล็กน้อยเสริมเรื่องการแยกเพศขณะยังเล็ก ไม่แน่ใจข้อมูลเชื่อถือได้หรือเปล่าทางเจ้าของร้านบอกให้ดูบริเวณใต้ท้อง ตัวเมียจะมี ส่วนเว้าที่มากกว่า ให้เอานิ้วลูบดู*** จริง - เท็จ แค่ไหน แจ้งด้วยครับ ***โรคภัยไข้เจ็บและความผิดปกติต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยในเต่าแก้มแดงตาเจ็บและบวม จากภาวะขาดวิตามิน เอ พบได้บ่อย ๆ ในเต่าแก้มแดงอายุน้อยที่เราเพิ่งซื้อมาเลี้ยงได้ประมาณ ๓ – ๔ เดือน และให้กินแต่อาหารเม็ดเท่านั้น เต่าจะใช้วิตามินเอซึ่งสะสมอยู่ในตับจนหมด โดยเต่าจะซึมไม่ค่อยกินอาหาร จากนั้นตาก็จะเริ่มบวมปิด พบฝ้าขาวในช่องปาก ไม่ค่อยเคลื่อนไหวหรือว่ายน้ำ ท่านเจ้าของกรุณานำเจ้าเต่าน้อยไปพบสัตวแพทย์ เพื่อทำการฉีดวิตามินให้สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันสัก ๒ -๓ สัปดาห์ก็จะดีขึ้น ส่วนการป้องกันทำได้โดยผสมวิตามิน เอ ชนิดแคปซูลลงไปในอาหารเม็ดสำหรับเต่าบ้าง หรือบางท่านก็ให้ตับต้มกับเต่าเป็นอาหารเสริมครับจุดหนองสีเหลืองกระจายตามตัว ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด ภาวะนี้ก็เช่นเดียวกันที่พบในเต่าเล็ก ส่วนใหญ่พบหลังเพิ่งซื้อมาไม่เกินหนึ่งเดือน เต่าจะไม่กินอาหาร , นอนซึม ,ไม่ว่ายน้ำ , มีจุดหนองสีเหลืองกระจายตามตัวยกเว้นส่วนกระดอง ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน เพราะมีหลายตัวที่มารักษาไม่ทันเสียชีวิตไปเสียก่อน สาเหตุเกิดจากการเลี้ยงเต่าที่แออัดเกินไป , น้ำที่ใช้เลี้ยงสกปรก รวมถึงการให้อาหารที่ไม่ถูกต้องด้วยครับเนื้อตัวบวมออกมาจากกระดอง เพราะได้รับโปรตีนมากเกินไป หลาย ๆ ท่านคงเคยพบภาวะนี้ แต่เรามักคิดว่าเต่าอ้วน ซึ่งความจริงแล้ว ไอ้ที่ป่อง ๆ ออกมานั้นมิใช่ไขมัน แต่เป็นของเหลวใส อันเนื่องมาจากภาวะท้องมานและไตวาย โดยปกติการให้อาหารจำพวกโปรตีนแก่เต่าเล็ก ๆ นั้นเป็นเรื่องดี แต่บางครั้งมันมากเกินไปจนทำให้ไตทำงานหนักเกินไปจนสูญเสียหน้าที่ได้ ซึ่งภาวะนี้เกิดขึ้นได้ง่ายแต่แก้ไขได้ยากครับ กระดองบิดผิดรูป มาจากการขาดแคลเซียมและแสงแดด ท่านทราบหรือไม่ว่าองค์ประกอบของการสร้างกระดองและโครงกระดูกของเต่านั้น ประกอบด้วย แคลเซี่ยมที่เพียงพอจากอาหาร , วิตามินดีที่เพียงพอและแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ ถ้าองค์ประกอบดังกล่าวเหล่านี้ขาดหรือบกพร่องไป ก็จะส่งผลอย่างแน่นอน ดังเช่นหลายท่าน เลี้ยงเต่าแก้มแดงไว้ในห้องหรืออยู่แต่ภายในบ้าน และก็ให้อาหารเม็ดแต่อย่างดียว นำไปตากแดดบ้างบางครั้ง เต่าก็สามารถเติบโตได้ แต่รูปทรงกระดองก็จะไม่สวยงามตามสายพันธุ์ ส่วนใหญ่จะพบว่าขอบกระดองบิดขึ้นด้านบน , แขนขาโค้งงอ บางตัวถึงขั้นกระดองบิดจนกระดูกสันหลังบิดไปด้วย สองขาหลังจึงใช้ไม่ได้และเป็นอัมพาตในที่สุด ทางที่ดีที่สุดคือการป้องกัน ด้วยการให้อาหารที่ถูกต้องและนำเต่ามาตากแดดอย่างสม่ำเสมอ โดยเราจะสังเกตว่า เต่าที่เลี้ยงในบ่อกลางแจ้งจะไม่พบปัญหานี้เลยครับ กัดทะเลาะกันเป็นแผลตามตัว อันนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ส่งผลถึงขนาดของสถานที่เลี้ยงว่าไม่เพียงพอต่อจำนวนเต่าหรือคับแคบเกินไปนั่นเอง ส่วนแผลต่าง ๆ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์นะครับบทความสุดท้ายจากคุณหมอ สุดท้ายขอให้ท่านโปรดจำไว้ว่า เต่าแก้มแดงนี้เป็นสัตว์ชนิดพันธุ์ต่างถิ่น หรือไม่ใช่เต่าของไทยนั้นเอง เพราะฉะนั้น เมื่อท่าน ๆ ซื้อหามาเลี้ยงแล้ว ขอได้โปรดเลี้ยงเขาไปจวบจนสิ้นอายุขัย หรือจะเปลี่ยนเจ้าของก็ได้ แต่ต้องเป็นสัตว์เลี้ยงตลอดไป เพราะถ้าท่านนำเต่าแก้มแดงไปปล่อยตามแหล่งน้ำตามธรรมชาติของไทย จะทำให้เกิดการสูญเสียสมดุลย์ทางธรรมชาติอย่างมาก เพราะเต่าแก้มแดงเป็นเต่าที่ปรับตัวได้ดีมาก สามารถอยู่ได้ในแหล่งน้ำหลายพื้นที่ของประเทศไทย เพราะฉะนั้นจึงสามารถเบียดเบียนพื้นที่การหากินและวิถีชีวิตของเต่าพื้นเมืองของไทย ไม่ว่าจะเป็นเต่าบึงหัวเหลือง , เต่าบัวและเต่าหับ เป็นต้น ในระยะยาวอาจส่งผลให้เต่าพื้นเมืองของบ้านเราสูญพันธุ์ไปก็ได้ครับ


ปลาฉลามขาว



ปลาฉลามขาวมีความสามารถคล้ายกับปลาฉลามสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีอวัยวะรับสัมผัสพิเศษ ที่สามารถตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่แผ่ออกมาจากปลาที่มีชีวิต ที่เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ ทุกครั้งที่สิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวน้ำ จะสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา และปลาฉลามขาวมีสัมผัสไวเป็นพิเศษ ที่สามารถตรวจจับได้แม้มีความแรงเพียง 1/1000,000,000 โวลท์ ซึ่งเปรียบเทียบได้กับสามารถตรวจจับแสงแฟลชได้ในระยะ 1600 กิโลเมตร ปลาชนิดอื่นๆ ส่วนมากไม่มีพัฒนาการถึงระดับนี้ แต่มีความสามารถที่คล้ายๆ กันนี้ ที่ลายด้านข้างลำตัว การที่ปลาฉลามขาวจะประสบความสำเร็จในการล่าเหยื่อ ที่มีความว่องไวสูงอย่างสิงโตทะเล สัตว์เลือดเย็น อย่างปลาฉลามขาวได้พัฒนา ระบบรักษาความร้อนภายในร่างกาย ให้สามารถรักษาอุณหภูมิให้สูงกว่าอุณหภูมิของน้ำภายนอกได้ โดยใช้ Rete mirabile ซึ่งเส้นใยเส้นเลือด ที่มีอยู่รอบตัวของปลาฉลามขาวนี้ จะรักษาความร้อนของเลือดแดงที่เย็นตัวลง ด้วยเลือดดำที่อุ่นกว่าจากการใช้พลังงานของกล้ามเนื้อ ความสามารถนี้ทำให้ปลาฉลามขาวรักษาระดับอุณหภูมิในตัว สูงกว่าอุณหภูมิน้ำทะเลรอบตัวประมาณ 14ํC (เมื่อล่าในเขตหนาวจัด) โดยที่หัวใจและเหงือกยังคงอยู่ที่อุณหภูมิของระดับน้ำทะเล ปลาฉลามขาวสามารถอดอาหารได้นานราว 1 สัปดาห์โดยที่ช่วงนั้นไม่ต้องกินอะไร อุณหภูมิของร่างกายส่วนใหญ่ สามารถลดต่ำลงจนเท่ากับอุณหภูมิของระดับน้ำทะเล อย่างไรก็ตาม ก็ยังจัดว่าปลาฉลามขาวป็นสัตว์เลือดเย็นอยู่ดี เพราะว่าอุณหภูมิของร่างกายไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ



ปลามังกร




ลักษณะธรรมชาติ เป็นปลาน้ำจืด

ตระกูลปลากินเนื้อชอบกินสัตว์ที่มีชีวิตอยู่ เช่น แมลงสาบ ตะขาบ จิ้งจก ปลาเล็ก มีนิสัยดุร้าย ในบางแห่งเรียกปลาชนิดนี้ว่าปลาตะพัด แต่ในเขต 3 จังหวัดภาคใต้ ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่าปลากรือซอ ปลาชนิดนี้มีมากในแถบอินโดนีเซีย มาเลเซียและประเทศไทยตอนล่าง ซึ่งพบในลำน้ำสายบุรี โดยเฉพาะที่บึงน้ำใสตำบลตะโละหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดปลามังกร แหล่งใหญ่แหล่งหนึ่งปลามังกรมี รูปร่างยาวเรียว ตัวแบน ๆ คล้ายปลากระบอก มีผู้พบขนาดโตเต็มที่ ความยาวประมาณ 2 ฟุต กว่า ๆ ลำตัวกว้างประมาณ 10 นิ้ว เป็นปลาที่มีอายุยืน การขยายพันธุ์โดยการวางไข่ปีละ 1 ครั้ง ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน และจะฟักเป็นตัวอ่อนขนาด 1 นิ้ว ประมาณเดือนตุลาคม เป็นปลา ที่ชอบเล่นแสงไฟ ดังนั้นในการจับปลามังกร จึงมีการใช้แสงไฟล่อให้ปลามาเล่นแสงไฟ และใช้สวิง ดักจับ

ปลามังกรมีสีสรรแตกต่างกันแล้วแต่ชนิดของมัน ซึ่งแบ่งเป็น 3 ชนิด คือ 1. ปลามังกรเงิน เกล็ดจะเป็นสีขาว พบมากในลุ่มแม่น้ำสายบุรี บึงน้ำใส2. ปลามังกรทอง ลักษณะเกล็ดเป็นสีทองออกแดงเรื่อ ๆ เป็นพันธุ์ที่หายากมากในเมืองไทย ไม่ค่อยมีผู้พบ ส่วนมากจะพบแถบประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย มีราคาสูงมาก 3. ปลามังกรอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่หายากมากที่สุด เกล็ดสีน้ำเงินคล้ำสลับดำ ราคาซื้อ ขายแพงที่สุด อดีต ปลากรือซอ ไร้คุณค่า ข้อมูลปลา มังกรปลาอะโรวาน่า นับว่าเป็นสุดยอดปลาสวยงามที่ ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดมา โดยตลอดซึ่งอาจจะ เป็นเพราะปลาชนิดนี้เป็นปลาที่มีรูปร่างสวยงามน่า เกรงขามมีเกล็ดขนาดใหญ่และมีสีสีนแวววามมี หนวดซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้จะคล้าย"มังกร" นอกจากนี้ยังมีเรื่องความเชื่อต่างๆ เข้ามาเกี่ยว ข้องกับปลาอะโรวาน่าโดยชาวจีนเชื่อว่าผู้ใดเลี้ยง ปลาชนิดนี้แล้วจะร่ำรวยมีโชคลาภ จึงทำให้ปลา ชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด จึงส่งผลให้ราคาปลาดังกล่าวมีราคาค่อนข้างสูง สำหรับปลาอะโรวาน่าเกือบทุก สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์จากทวีปเอเชีย จากการศึกษาตามประวัติของปลา ชนิดนี้พอที่จะทราบได้ว่ามีการขุดค้นพบซากฟอลซิลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จึงทราบว่าปลาอะโรวาน่าจัดเป็นปลาโบราณอยู่ในตระกูล "Osteoglossidae" ซึ่งเป็นตระกูลของปลา ที่มีลิ้นเป็นกระดูกแข็ง Bony Tougue ปลาชนิดนี้พบ กระจายอยู่ใน 4 ทวีปทั่วโลก คือ ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาใต้ ทวีปอัฟริกา และทวีป ออสเตรเลีย โดยปลาที่มาจากแต่ละทวีปจะมีรูปร่างลักษณะเด่นพิเศษที่แตกต่างกัน ตามไปด้วย โดยเฉพาะปลาที่มาจากทวีปเอเชีย เป็นปลาที่มีราคาแพงมากที่สุด สายพันธุ์อเมริกาใต้ อะโรวาน่า ปลาตะพัด หรือปลามังกร เป็นปลาที่จัดอยู่ในตระกูล Osteoglos Sidae (ออสทีโอกลอสซีดี้) ปลาในตระกูลนี้พบแพร่กระ จายอยู่ทั่วโลก โดยมีลักษณะภายนอกที่แตกต่าง กันและผันแปรไปตามแหล่งที่สามารถพบได้ แบ่ง ได้ 4 สกุล(Genus) และ มีอีก 7 ชนิด(Specises) ด้วยกัน คือ ทวีปอเมริกาใต้ 3 ชนิด ทวีปออสเตเลีย 2ชนิด ทวีปอัฟริกา 1 ชนิด ทวีปเอเบียอีก 1 ชนิด (4 สายพันธุ์) ซึ่งแต่ละชนิดมีถิ่นกำเนิดแตกต่างกันออกไปดังนี้ 1. กลุ่มทวีปเอเชีย2. กลุ่มทวีปอเมริกาใต้ 3. กลุ่มทวีปแอฟริกา 4. กลุ่มทวีปออสเตรเลีย และนอกจากนั้นลักษณะสีของลำตัว หัวและครีบ ของปลา อะโรวาน่าก็มีสีแตกต่างกันออกตามสาย พันธุ์ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 สายพันธุ์ ปลาอะโรวาน่าหรือปลาตะพัดเป็นปลาที่จัดอยู่ในครอบครัว Osteoglossidae (ออสทีโอกลอสซิดี้) ปลาในตระกูลนี้หากจัดแบ่งตามแหล่งที่อยู่อาศัยหรือเขตุภูมิภาคที่พบซึ่งเป็นที่ยอมรับของสากลจะแบ่งออกเป็น 4 สกุล (Genus) และมี 7 ชนิด (Species) คือ ทวีปอเมริกาใต้ 3 ชนิด ทวีปออสเตรเลีย 2 ชนิด ทวีปอัฟริกา 1 ชนิด ทวีปเอเซีย 1 ชนิด (4 สายพันธุ์) การเลี้ยงดู 1. การเตรียมตู้ การเลี้ยงปลามังกรนั้นผู้เลี้ยงต้องคำนึงถึงเรื่องตู้เป็นอันดับแรก มาตรฐานขั้นต่ำที่ใช้เลี้ยงนั้นคือ 60*24*24 นิ้ว หรือ ประมาณ 150*60*60 ซม. จะสามารถเลี้ยงจากขนาดเล็กที่มีขายตามร้านค้าทั่วไปจนถึง ขนาด 24 นิ้ว จะสามารถทำให้ท่านเลี้ยงได้ประมาณ 4-5 ปี แล้วจึงค่อยขยับขยาย” แต่หากท่านที่มีเนื้อที่ ค่อนข้างจำกัดจริงๆก็สามารถเลี้ยงได้ตลอดไป แต่กระจกที่ใช้ควรจะหนาประมาณ 3 หุน ขึ้นไป และ ในกรณีที่พอมีเนื้อที่ในด้านกว้างที่พอจะเพิ่มได้ควรจะกว้างอย่างน้อย 30 นิ้ว หรือ 75 ซม. สูง 36 นิ้ว แต่จะให้ดีก็ กว้าง 36 นิ้ว หรือ 90 ซม. สูง 36 นิ้ว ไปเลยก็จะดี ปลาขนาดใหญ่จะได้ไม่เครียด”( ที่สำคัญอย่าลืมเผื่อกันกระโดดด้วย ประมาณ 4-6 นิ้ว แล้วแต่ขนาดของปลา ) ที่ผมแนะนำอย่างนี้ก็เพื่อผู้เลี้ยงจะไม่ต้องเปลืองสตางค์ซื้อตู้บ่อยๆ แล้วตู้ที่ไม่ได้ใช้เกะกะเต็มบ้านจนต้องยอมขายถูกๆหรือไม่ก็ยกให้ใครไปฟรีๆ แต่ปัญหาที่พบบ่อยปลาเล็กในตู้ขนาดใหญ่ คือ ตื่นกลัว ทำให้การว่ายไม่สง่า ครีบลู่ วิธีแก้คือ หาแท้งค์เมท มาเพิ่มสัก 2-5 ตัว แล้วแต่ขนาดของตู้ ปลาที่ผมอยากจะแนะนำได้แก่ ปลานกแก้ว เป็นตัวหลัก เพราะ เป็นปลาที่ไม่มีข้อเสีย เลย แถมยังข้อดีเพียบ แต่ ไม่ควรใส่จนเยอะเกินไป หรือ นำนกแก้วที่มีขนาดใหญ่กว่าปลามังกรใส่ลงไป ก็จะสามารถแก้อาการตื่นกลัวได้ หากไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้ปลาตื่นกลัว เช่น เด็กชอบมาทุบกระจก หรือ ตู้ปลาอยู่ตรงทางเดินที่มีคนพลุกพล่าน เป็นต้น ในกรณีท่านที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ เมื่อปลาได้ขนาด 16 –18 นิ้วแล้วจึงย้ายปลาไปอยู่ในตู้ที่ใหญ่ขึ้น จะทำให้ปลาที่ท่านเลี้ยงโตขึ้นโดยไม่สะดุด และการว่ายจะไม่มีปัญหา และปลาจะไม่เกิดความเครียด เมื่อท่านเลือกขนาดตู้ที่เหมาะสมแล้วนั้นการเลือกระบบการกรองชีวภาพ และรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น 2. น้ำที่ใช้เลี้ยงปลา จะต้องเป็นน้ำที่ปราศจากคลอรีน บางท่านอาจจะใช้การพักน้ำให้คลอรีนระเหยบ้าง ใช้เครื่องกรองน้ำบ้าง ( ข้อควรระวัง ห้ามใช้เครื่องกรองที่มีวัสดุกรองเป็นเรซินหรือเครื่องกรองน้ำที่ใช้ดื่ม วัสดุกรองที่ใช้กรองคลอรีนจะต้องเป็นถ่านกะลาเท่านั้น หากใช้คาร์บอนชนิดอื่นอาจทำให้น้ำเป็นด่างสูงเป็นอันตรายต่อปลาได้ ) คุณภาพน้ำที่ใช้เลี้ยงปลามังกรนั้นค่อนข้างสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าหากให้ผมแนะนำการที่จะได้มาซึ่งคุณภาพน้ำสูงสุดนั้น ควรใช้น้ำปะปาแล้วต่อเครื่องกรองคลอรีนแล้วนำน้ำไปพักให้ตกตะกอนหากน้ำที่พักทิ้งไว้เป็นเวลาหลายวันควรมีหัวทรายตีน้ำไว้เพื่อคงระดับออกซิเจนในน้ำเพื่อป้องกันน้ำเสีย จะทำให้ท่านได้น้ำที่ปราศจากคลอรีน ใสไม่มีตะกอน และมีออกซิเจนสูง อุณหภูมิน้ำในตู้บริเวณผิวน้ำควรอยู่ระหว่าง 30-34 องศาเซลเซียส น้ำที่ต้องห้ามใช้เลี้ยงปลามังกร ได้แก่ น้ำที่มีสารเคมีทุกชนิดปนอยู่ น้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างสูง น้ำฝน น้ำบาดาล น้ำสกปรก คือน้ำที่มีออกซิเจนละลายอยู่ในปริมาณต่ำ 3. อาหาร ที่ใช้เลี้ยงปลามังกรก็มีส่วนสำคัญ ซึ่งมีผลโดยตรงกับการเจริญเติบโตของปลา รวมถึงรูปทรงและสีสันของปลา อาหารที่ใช้เลี้ยงได้แก่ แมลงเกือบทุกชนิด ลูกปลา หนอน ไส้เดือน กบ กุ้งฝอย เนื้อกุ้ง รวมทั้ง อาหารเม็ด การให้อาหารปลามังกรนั้นไม่จำกัดตายตัว ว่าจะต้องกินอย่างไร ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ ความสะดวกของผู้เลี้ยง และอุปนิสัยการกินของปลาประกอบเข้าด้วยกัน แต่ที่ผมจะแนะนำคือ ปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละวันนั้นจะต้องไม่มาก หรือน้อยเกินไป โดยส่วนมากแล้วเมื่อปลาอิ่มจะไม่สนใจอาหารแล้วเชิดหน้าใส่ ยกเว้นจะเป็นของที่โปรดปรานจริงๆจึงจะฝืนกินจนพุงกางบางท่านชอบทำแบบนี้แล้วชอบใจว่าปลาของเรากินเก่ง แต่ผลเสียก็คือ ปลาของท่านจะเป็นโรคอ้วน เสียทรง ตาตก เพราะอาหารที่พวกมัน โปรดปรานส่วนใหญ่หนีไม่พ้นอาหารที่มีไขมันสูง อันได้แก่ หนอนนก หนอนยักษ์ จิ้งหรีด กบ ตะพาบ ซึ่งอาหารจำพวกนี้ควรควบคุมปริมาณที่ให้ในแต่ละวัน แต่จะงดไปเลยก็ไม่ดี เพราะจะทำให้ปลาท่านไม่โต หรือโตช้า เนื่องจากอาหารจำพวกนี้จะอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการเจริญเติบโต การให้อาหารที่ดีนั้น ท่านควรสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆเพื่อสุขภาพปลาของท่านจะแข็งแรงมีภูมิต้านทานสูง เหมือนกับคนเราที่ได้รับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ยกตัวอย่างให้เข้าใจได้ง่ายดังนี้ เดือนมกราคม หนอนนก กุ้งฝอย ลูกปลา เดือนกุมภาพันธ์ หนอนยักษ์ กุ้งฝอย ลูกกบ เดือนมีนาคม จิ้งหรีด กุ้งฝอย เนื้อกุ้ง เดือนเมษายน ตะขาบ กุ้งฝอย ลูกตะพาบ เดือนพฤษภาคม แมลงป่อง กุ้งฝอย จิ้งจก เดือนมิถุนายน ก็กลับหมุนเวียนเอาของเดือนมกราคมขึ้นมาใหม่ เป็นต้น หรือ จะเอาทุกอย่างมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนในแต่ละวันก็ได้ แต่อาหารที่มีทั่วไปหาซื้อง่าย ได้แก่ หนอนนก กุ้งฝอย เนื้อกุ้งสด ลูกปลา จิ้งหรีด ลูกกบ อาหารที่ไม่แนะนำให้ใช้กับปลามังกรได้แก่ แมลงสาบ ถ้าท่านไม่ได้เพาะพันธ์เองไม่ควรใช้ เนื้อหมู หรือ เนื้อวัว จะทำให้ย่อยยาก อาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับลำไส้ หรือเมื่อใช้เลี้ยงไปนานๆปลาของท่านอาจจะตายโดยไม่รู้สาเหตุ เพราะในเนื้อหมูหรือเนื้อวัวนั้นจะมีพยาธิบางชนิดค่อยๆกัดกินอวัยวะภายในจนตาย เนื่องจากมันไม่ใช่อาหารของมันตามธรรมชาติ จึงไม่มีกลไกภายในร่างกายสามารถป้องกันได้ อาหารปลามังกร 1.) ไรน้ำนางฟ้ามีโปรตีนสูงมากถึง 65% ทำให้ปลาที่กินไรน้ำนางฟ้า โตเร็ว เพราะได้โปรตีนช่วยในการเจริญเติบโต 2.) คารฺ์โบไฮเดรตสูงกว่าอาหารประเภทอื่นๆ ทำให้ปลาได้รับพลังงานสูง การเคลื่อนไหวก็กระฉับกระเฉง 3.) ไขมันต่ำทำให้ปลาไม่อ้วน จึงทำให้ปลาสุขภาพดี ไม้ขี้โรค และที่สำคัญไรน้ำนางฟ้านั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนมากกว่าอาหารชนิด อื่นๆด้วยซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารที่สร้างสีสันให้ปลาดูสวยงาม เราสามารถ พบจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นว่า เมื่อปลาหมอสีที่เลี้ยงด้วยปลา หมอสีเพียง 2 วันเท่านั้น ทำให้ปลามีสีแดงสดอย่างชัดเจน และเป็นสารต้าน อนุมูลอิสระ ทำให้ปลาอายุยืนอีกด้วย 2. ไรน้ำนางฟ้านั้นเจริญเติบโตเร็วมาก สามารถเก็บผลผลิตได้ใน5-7วัน 3. ขยายพันธุ้ได้เร็ว เพราะไรน้ำนางฟ้าตัวเมีย1 ตัววางไข่ได้ราว 6,000-12,000ฟอง 4. สามารถเลือกเก็บตัวไรไปใช้ประโยชน์ได้หลายขนาดตามขนาดของปลาที่เลี้ยง เช่น - ลูกไร อายุ 1-3 วันใช้เลี้ยงลูกปลาได้ - ไร อายุ 4-5 วัน มีขนาด 1 ซม. ใช้เลี้ยงปลาขนาดเล็ก - ไร อายุ 7 วัน มีขนาด 2 ซม. และอายุ 15 วัน ขนาด 3-4 ซม.ใช้เลี้ยงปลาขนาดใหญ่ได้ 5. ลดต้นทุนค่าอาหาร เพราะถ้าต้องซื้อจากฟาร์มเพาะเลี้ยง ซึ่งราคาตัวละ 5-10 สตางค์แต่ถ้าสามารถเพาะเลี้ยง ได้เองจะสามารถลดต้นทุนได้มาก เพราะมีต้นทุนเพียงค่าน้ำค่าปุ๋ย และค่าไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย การเพราะพันธุ์ปลามังกร ปลาในตระกูลอะโรวาน่าทั้งหมดเป็นปลาที่แพร่พันธุ์ โดยการวางไข่ฟักและเลี้องลูกในปาก ( MOUTH INCUBATOR ) ยกเว้นปลาอะราไพม่าซึ่งมีพฤติกรรมวางไข่คล้ายกับปลาช่อนในบ้านเรา โดยอัตราการวางไข่ของปลาอะโรวาน่าโดยทั่ว ๆ ไปจะอยู่ในช่วงระหว่าง 30-400 ฟองโดยประมาณ ไข่ปลามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 0.5-1.5 เซนติเมตรทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของปลาและความสมบูรณ์ของไข่แต่ละฟอง โดยไข่ของปลาอะโรวาน่าทางแถบอเมริกาใต้จะมีขนาดเล็กกว่าไข่ของปลาอะโรวาน่าทางแถบโซนเอเซียซึ่งไข่ของปลาอะโรวาน่าเงินและดำจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 0.5-0.8 เซ็นติเมตร ในขณะที่ปลาอะโรวาน่าโซนเอเซียจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1-1.5 เซ็นติเมตร โดยรูปทรงของไข่ปลาอะโรวาน่าเงินและดำจะมีลักษณะกลมรีคล้ายรูปไข่ ส่วนไข่ของปลาอะโรวาน่าทางแถบโซนเอเซียจะเป็นรูปทรงค่อนข้างกลมขนาดและลักษณะคล้ายเมล็ดลำใย โดยไข่ของปลาอะโรวาน่าแต่ละชนิดจะมีสีสันคล้าย ๆ กันคือออกสีเหลืองหรือสีส้มอม เหลือง ปกติไข่จะใช้เวลาในการฟักเป็นตัวราว 2-5 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำในแต่ละช่วงว่าจะสูงหรือต่ำ หากอุณหภูมิน้ำสูงไข่ก็จะฟักเป็นตัวเร็วขึ้น ในธรรมชาติหลังจากพ่อแม่ปลาผสมพันธุ์วางไข่เสร็จแล้วพ่อแม่ปลาจะอมไข่และฟักลูกในปากโดยในขณะที่ปลาตัวเมียวางไข่ตัวผู้ก็จะว่ายคลอเคลียพร้อมกับปล่อยน้ำเชื้อออกมาผสมกับไข่ที่ตัวเมียเบ่งออกมา ยามที่ลูกปลาเริ่มฟักเป็นตัวใหม่ ๆ จะมีถุงอาหารสีส้มลักษณะคล้ายกับลูกโป่งใบเล็ก ๆ ห้อยติดอยู่ที่ใต้ท้อง ซึ่งถุงอาหาร นี้จะค่อย ๆ ยุบตัวเมื่ออาหารสำรองในถุงถูกลูกปลาย่อยหมดแล้ว ในระหว่างนี้ พ่อแม่ปลาจะยังคงเลี้ยงลูกของตนไว้ในปากจนกระทั่งผ่านไปเป็นเวลาเดือนเศษเมื่อลูกปลาเริ่มสามารถช่วยเหลือตัวเองในการหาอาหารได้แล้ว พ่อแม่ปลาก็ จะผละจากไปโดยในช่วงแรกลูกปลาที่เพิ่งแยกจากพ่อแม่จะจับกลุ่มรวมเป็น ฝูงลอยคออยู่ใกล้ระดับผิวน้ำ แต่พอเริ่มโตขึ้นก็จะค่อย ๆ แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวโดยจะเริ่มกัด ทำร้ายกันเอง จนในที่สุดก็จะว่ายแตกฝูงกันไปคนละทิศละทาง โดยจะยังจับกลุ่มกันเป็นฝูงย่อย ๆ ฝูงละไม่กี่ตัว ซึ่งโดยมากจะพบแค่ฝูงละ3-5 ตัวเป็นอย่างมาก เคล็ดลับการเลี้ยง"ปลามังกร"ให้โตเร็วเคล็ดลับการเลี้ยง"ปลามังกร"ให้โตเร็ว ปลามังกรจัดเป็นปลาที่มีราคาแพงทั้งในประเทศแลละต่างประเทศ ซึ่งถ้าได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วราคาอาจสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียว ผู้เลี้ยงปลามังกรหลายท่านเชื่อว่า ถ้าเลี้ยงแล้วจะมีโชคลาภ จึงทำให้ความนิยมในการเลี้ยงปลามังกรไม่เคยตกลงเลย มีผู้เลี้ยงบางท่านยอมลงทุนอย่างมากเพื่อที่จะได้ปลาชนิดนี้มาเลี้ยงโดยไม่ต้องคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่ปลามังกรตัวโตๆจะมีเกล็ดมันวาว แต่สำหรับบางท่านที่ต้องการเห็นตั้งแต่ตัวเล็กๆจนปลามังกรค่อยๆโตขึ้น เราก็มีเคล็ดลับง่ายๆในการเลี้ยงให้ปลามังกรโตเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงด้วยวิธีง่ายๆและมีปัจจัยหลักๆดังนี้ อาหาร สารอาหารที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของปลามังกร คือ โปรตีน และแคลเซียม สารอาหารเหล่านี้เราหาได้จาก ปลา นั่นเอง ดังนั้นการให้ลูกปลาเป็นอาหารจะให้ผลดีที่สุด แต่ก็ควรสลับกับอาหารชนิดอื่นๆบ้าง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารชนิดนี้ควรล้างและลวกซะก่อน เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อบางชนิด บางท่านให้กินแมลงสาบเป็นอาหาร ซึ่งวิธีนี้ควรทบทวนให้ดี เพราะแมลงสาบเป็นพาหะอย่างหนึ่งที่จะนำเชื้อโรคเข้าสู่ตัวปลา ส่วนการให้ปลากินอาหารนั้น ควรให้ในปริมาณน้อยๆแต่ให้ถี่ๆ แต่คงจะยากสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากพอที่จะนั่งเฝ้าดูปลากินอาหารทั้งวัน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ขอแนะนำให้ฝึกปลากินอาหารให้เป็นเวลาจะดีที่สุด อากาศ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปลาแข็งแรงสมบูรณ์ และทำให้ปลากินอาหารได้มากขึ้น ดังนั้นควรเปิดแอร์ปั๊มในตู้อยู่ตลอดเวลา น้ำ น้ำที่ดีที่สุดควรเป็นน้ำประปาที่ผ่านการกรองมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชม. pH ควรอยู่ที่ 6.5-6.8 ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20-30% ของน้ำในตู้ทุกๆเดือน จะทำให้ปลารู้สึกสดชื่นกระตือรือร้นทันที อุณหภูมิ ไม่ควรปล่อยให้ต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย ควรรักษาอุณหภูมิในตู้ให้คงที่ สภาพแวดล้อม จัดสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด จะทำให้ปลาไม่ตื่นกลัว และสามารถกินอาหารได้มากขึ้น โรคภัย โรคปลาจะเกิดขึ้นได้ ถ้าหากผู้เลี้ยงละเลยปัจจัยทั้ง 5 ที่กล่าวมา และการสังเกตปลาเป็นโรคเบื้องต้น ให้สังเกตการกินอาหาร และการว่ายน้ำ ถ้ามีอาการช้าลงแสดงว่าปลาเริ่มเป็นโรคแล้ว ควรหาวิธีแก้ไขให้เร็วที่สุด เพียงแค่ท่านปฏิบัติตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้ ท่านก็จะได้เห็นปลามังกรที่โตเร็วและแข็งแรงเป็นผลตอบแทน การแบ่งสายพันธุ์ปลามังกรเราสามารถแบ่งแยกประเภทของปลาได้ 4 สายพันธุ์ 1. ปลามังกรทอง (มาเลเซีย) Arowana Cross Back 2. ปลามังกรแดง (อินโดนีเซีย) Arowana Red 3. ปลามังกรทอง (อินโดนีเซีย) Arowana Red Tail Golden 4. ปลามังกรเขียว Arowana Green ปลามังกรจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อได้เปรียบเทียบกับปลามังกรจากอเมริกาใต้นั้น ปลามังกรจากเอเชียจะมีช่วงหางที่กลมเหมือนพัดและช่วงตัวที่กว้าง ความกว้างของลำตัวจะมีขนาด 4 ถึง 5.5 นิ้ว เกล็ดจะมีความแข็งแลใหญ่ ครีบหน้าคู่ จะมีขนาดที่เท่ากันในแต่ละส่วน ครีบหางจะมี 2 แบบคือ แบบลูกแพร์และแบบพัด ครีบช่วงหลังบน ครีบช่วงหลังล่างและครีบหางจะไม่เชื่อมต่อกัน ช่วงปากจะมีขนาดใหญ่และเป็นรูปเฉียง ปลามังกรจะมีฟันที่น้อยเรียงชิดกันมากและมีความคม ปากจะมีรูปทรงมุมฉากเมื่อปลาเปิดปาก ลูกตาทั้งสองข้างจะมีขนาดใหญ่ หนวดทั้งคู่จะยื่นออกมาจากขอบปากด้านล่าง ปลาชนิดนี้สามารถยาวได้ถึง 30 นิ้วและมีน้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ในป่านั้นปลาจะอาศัยอยู่บริเวณน้ำที่ตื้น ๆ และมีความสะอาด ปลาอโรวาน่าจะอยู่นิ่ง ๆ หรือลอยไปผิวน้ำ ส่วนที่มีความทึบริแม่น้ำ ระดับของอุณหภูมิน้ำนั้นจะอยู่ราว ๆ 27 องศา และค่า ph จะประมาณ 6.5-7 ปลาอโรวาน่าที่อยู่ในธรรมชาตินั้นจะมีความก้าวร้าวและจะป้องกันถิ่นที่อยู่อาศัย 1. ปลาอโรวาน่าทองอินโดหางแดง ปลาอโรวาน่าสายพันธุ์นี้ส่วนหลังจะมีสีออกไปทางสีดำเขียวเข้ม ๆ จะรวมไปถึงครีบหลังและส่วนครึ่งบน ของหางส่วนสีทองบนเกล็ดนั้นปลาที่สายพันธุ์ดีนั้น สีจะออกทองครึ่งหนึ่งของเกล็ด ส่วนครีบหน้า ครีบส่วนท้องและหางส่วนครึ่งล่างจะมีสีแดงเข้ม ส่วนของเหงือกทั้งหมดจะออกเป็นสีทองแวววาว สายพันธุ์นี้ถูกค้นพบใน กาลิมันตันและสุมาตรา ประเทศอินโดนิเซียและมีราคาที่เหมาะสม 2. ปลาอโรวาน่าทองมาเลเซีย รูปร่างลักษณะจะเหมือนปลาอโรวาน่าทองอินโด ยกเว้นเกล็ดสีทองนั้นจะข้ามหลังและสีทองจะเหลืองเข้มแวววาวทั้งตัว ยังมี blue base (สีน้ำเงินเหลือบตามเกล็ดลงไปถึงท้อง ปลาสายพันธุ์นี้ยังมีจำนวนน้อยเพราะสามารถเพาะพันธุ์ได้จำนวนน้อย ดังนั้นปลาสายพันธุ์นี้จึงมีราคาแพงกว่าปลาอโรวาน่าทองอินโดอยู่มากและก็ยังมีราคาที่แพงกว่าปลาอโรวาน่าแดง 3. ปลาอโรวาน่าแดง เหงือกปลาสายพันธุ์นี้จะมีสีแดง ครีบทั้งหมดและขอบของเกล็ดก็จะมีสีแดงเข้มหรือสีแดงเลือด 4. ปลาอโรวาน่าเขียว เกล็ดจะเป็นสีเขียว รูปทรงจะสั้นและเล็กกว่า ปลาสายพันธุ์นี้จะพบได้ตามธรรมชาติในประเทศไทย มาเลเซีย เวียดนามและพม่า ปลามังกรกับฮวงจุ้ยดีดีเมื่ออาทิตย์ก่อนมีโอกาสได้ดูรายการเกี่ยวกับฮวยจุ้ย ซึ่งครั้งนี้เสนอเกี่ยวกับปลามังกร เลยขอบอกกล่าวเผื่อว่ามีนักถ่ายภาพท่านใดสนใจเรื่องฮวยจุ้ยกับเรื่องปลานะครับ ถ้าไม่สมควรในการลงข้อความนี้อย่างไรรบกวนแจ้งได้ครับ บทความนี้เป็นเรื่องราวของอาทิตย์ที่แล้วครับ "weekที่ 1 ผ่านพ้นเรื่องฮวงจุ้ยดีดีกับ 12 นักษัตรกันไปแล้ว ครั้งนี้ วิลลี่ แมคอินทอช จะพาไปรู้จักกับสิ่งมงคลอีกชนิดหนึ่ง ปลาอะโรวาน่า หรือ ปลามังกร , ปลานำโชค แล้วแต่ใครจะเรียกเพราะปลาชนิดนี้มีเรื่องเล่ามากมาย คุณสิทธิธรรม เรืองจรุงพงศ์ เจ้าของ อะโรวาน่า ฟาร์ม ซึ่งรักการเลี้ยงปลาชนิดนี้เป็นชีวิตจิตใจบอกว่า “สายพันธุ์ที่นิยมและเป็นมงคลตามความเชื่อคือ แดงอินโด , ทองอินโด และ ทองมาเลย์ ราคาเริ่มต้นประมาณตัวละ 10,000 แพงสุดตัวละล้านกว่าบาทก็มี ผมเลี้ยงด้วยความชอบจนเริ่มทำเป็นธุรกิจถือว่าทำเงินได้ดีทีเดียว ความเชื่อของปลาอะโรวาน่ามีมากมาย อย่างผมเคยเจอกับตัวเองต้องเดินทางไปต่างประเทศแล้วไม่ได้ไป ปรากฏว่าทริปนั้นครอบครัวผมประสบอุบัติเหตุ โชคดีไม่มีใครเป็นอะไรแต่ปลาที่ผมเลี้ยงไว้อยู่ดีๆ ก็ตายในวันที่ครอบครัวเรามีเรื่อง ผมรู้สึกว่าเค้ารับเคราะห์แทนครอบครัวเรา เคยมีคนรู้จักเล่าให้ฟังว่าพอเลี้ยงปลาชนิดนี้แล้วถูกล๊อตเตอรี่ตลอด อันนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ” ทางด้าน อ.วิศิษฎ์ เตชะเกษม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุ้ยบอกว่า “ปลาอะโรวาน่าเป็นปลาที่มีลักษณะดี มีหนวดเหมือนมังกร มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา มีสีสันสวยงาม ยิ่งถ้าคนไหนเลี้ยงจนเกล็ดขึ้นสีทอง สีแดง เรียงสวย เค้าบอกว่าจะยิ่งให้โชคลาภ เพราะปลาในทางศาสตร์ฮวงจุ้ยหมายถึงความร่ำรวย เงินทองอยู่แล้ว” นอกจากนี้ช่วงท้ายเจ้าของฟาร์มยังใจดีแนะนำวิธีจะเลือกซื้อปลา

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553


กติกาการเล่นฟุตบอล






สนาม

ขนาดสนาม ต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขาว 110 – 120 หลา กว้าง 70 – 80 หลา การเขียนเส้น ส่วนกว้างของเส้นไม่เกิน 5 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยเส้นข้าง เส้นประตู ธงมุมทั้งสี่ยอดมน ยาว 5 ฟุต และเส้นแบ่งแดนจุดศูนย์กลาง เขียนวงกลมรัศมี 10 หลา เขตประตู คือจากเสาประตูออกไปข้างละ 6 หลา และตั้งฉากกับเส้นประตูเข้าไปในเขตโทษ 6 หลา เขตโทษ คือ จากเสาประตูทั้งสองออกไปข้างละ 18 หลา และตั้งฉากกับเส้นประตูเข้าไปในสนาม 18 หลา และจากจุดกึ่งกลางของเส้นประตูเข้าไปในเขตโทษระยะ 12 หลา เป็นจุดเตะโทษและเขตโค้งวงกลมรัศมี 10 หลา นอกเขตโทษ (เส้นผ่าศูนย์กลางจุดโทษ 9 นิ้ว) เขตมุม มุมสนามแต่ละแห่งเป็นจุดกลางเขียนโค้ง ¼ ของวงกลม รัศมี 1 หลา ประตูประกอบด้วยเสา 2 ต้น คาน 1 คาน ถ้าวัดภายในยาว 8 หลา สูง 8 ฟุต และความหนาไม่เกิน 5 นิ้ว บนเส้นประตูห่างจากมุมทั้งสองเท่ากัน
จำนวนผู้เล่น

ต้องมีผู้เล่น 2 ชุด ๆ ละไม่เกิน 11 คน และไม่น้อยกว่า 7 คน และมีผู้เล่นคนหนึ่งเป็นประตู การเปลี่ยนตัวผู้เล่นจะเปลี่ยนได้ 2 คน อย่างมากไม่ควรเปลี่ยนตัวเกิน 5 คน แต่ขึ้นอยู่กับข้อตกลง การเปลี่ยนตัวจะเปลี่ยนได้เมื่อลูกตาย และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินก่อน สำหนับผู้รักษาประตูจะเปลี่ยนตัวเป็นผู้เล่นในสนาม ต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบเมื่อลูกตาย ถ้าผิดกติกาการเปลี่ยนตัวต้องเตะโทษ 2 จังหวะ ณ ที่ลูกบอลอยู่ขณะที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหยุด และจะต้องถูกคาดโทษด้วย
ผู้กำกับเส้น

ผู้กำกับเส้นทั้งสองคนต้องได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ (การตัดสินเด็ดขาดอยู่ที่ผู้ตัดสิน) เป็นผู้แจ้งว่าฝ่ายใดมีสิทธิ์จะได้เตะมุม เตะจากประตู หรือทุ่มลูก ช่วยเหลือผู้ตัดสินและควบคุมการเล่นให้เป็นไปตามกติกา (ผู้ตัดสินสามารถสั่งเปลี่ยนผู้กำกับเส้นได้) ต้องใช้ธงของเจ้าของสนามที่จัดแข่งขัน
ระยะเวลาการเล่น

ระยะเวลาการเล่นแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนละ 45 นาที และหยุดพักระหว่างครึ่งไม่เกิน 5 นาที (ยกเว้นตกลงเป็นอย่างอื่น)

การเริ่มเล่น

ผู้ตัดสินเป็นผู้เสี่ยงโยนหัวโยนก้อย ผู้ชนะในการเสี่ยงจะมีสิทธิ์เลือกเตะเริ่มเล่นหรือเลือกข้าง เมื่อผู้ตัดสินให้สัญญาณเริ่มเล่นแล้ว ผู้เล่นคนหนึ่งจะต้องเตะลูกบอลซึ่งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของสนามเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ไม่น้อยกว่า 1 รอบของลูกบอล และห้ามเล่นลูกบอลซ้ำจนกว่าจะถูกผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน หรือฝ่ายตรงข้ามก่อนจึงจะเล่นต่อไปได้ ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องอยู่ห่างลูกบอลไม่น้อยกว่า 10 หลา ขณะเตะเริ่มเล่น เมื่อได้ประตูต้องเริ่มเล่นใหม่ในทำนองเดียวกัน โดยผู้เล่นคนหนึ่งของฝ่ายเสียประตูเป็นผู้เตะเริ่มเล่น เมื่อเริ่มครึ่งเวลาหลังต้องตั้งต้นเริ่มเล่นใหม่ โดยฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ได้เตะเริ่มเล่นในครึ่งเวลาแรก
การนับประตู

เมื่อลูกบอลได้ผ่านเส้นประตูเข้าไปในระหว่างเสาประตูทั้งสองข้าง และภายใต้คานประตูหมดทั้งลูก โดยผู้เล่นฝ่ายรุกไม่ได้ขว้าง หรือใช้มือ หรือแขนทำให้ลูกบอลนั้นเข้าประตู นอกจากผู้รักษาประตูซึ่งอยู่ภายในเขตโทษของตน เมื่อเสร็จการเล่นแล้ว ฝ่ายใดได้ประตูมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ถ้าประตูเท่ากันจะเสมอกัน
การล้ำหน้า

ผู้เล่นจะล้ำหน้า ถ้าล่วงหน้าลูกบอลเข้าไปใกล้ประตูของคู่ต่อสู้ นอกจาก ผู้ล้ำหน้านั้นอยู่ในแดนของตน มีคู่ต่อสู้สองคนอยู่ใกล้เส้นประตูของเขามากกว่าที่ตนอยู่ ครั้งสุดท้ายฝ่ายู่ตอสู้เป็นผู้ถูกลูกบอลนั้น หรือตนเป็นผู้เล่นลูกบอลนั้นเอง ผู้ล้ำหน้าได้รับลูกบอลโดยตรงจากการเตะจากประตู เตะจากมุม ลูกทุ่ม หรือลูกบอลที่ผู้ตัดสินทุ่ม (Drop Ball)
การเล่นที่ผิดกติกาและเสียมารยาท

ผู้เล่นคนใดเจตนากระทำผิดข้อหนึ่งข้อใดใน 9 ข้อ จะถูกเตะโทษจังหวะเดียวโดยฝ่ายตรงข้าม และถ้าเกิดในเขตโทษจะต้องเตะโทษ ณ จุดโทษ ดังนี้ เตะ หรือพยายามเตะคู่ต่อสู้ ขัดขาคู่ต่อสู้ คือทำหรือพยายามทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงด้วยการใช้ขา หรือด้วยการหมอบลงข้างหน้าหรือข้างหลัง กระโดดเข้าหาคู่ต่อสู้ ชนคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง หรือน่าหวาดเสียว ชนคู่ต่อสู้ข้างหลัง นอกจากคู่ต่อสู้นั้นเจตนากีดกัน ทำร้ายหรือพยายามจะทำร้ายคู่ต่อสู้ ฉุดหรือดึงคู่ต่อสู้ ผลักหรือดันคู่ต่อสู้ เล่นลูกด้วยมือ คือ ทุบ ต่อย ปัด เดาะลูกด้วยมือหรือแขน ผู้เล่นคนใดกระทำผิดนอกเหนือดังกล่าวในข้อ 1 ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตะโทษ 2 จังหวะ
การทุ่ม

เมื่อลูกบอลได้ออกนอกสนามหรือลอยในอากาศก็ตาม ให้ทำการทุ่ม ณ ที่ซึ่งลูกบอลนั้นได้ผ่านเส้นข้างออกไป ห้ามยกเท้าในขณะทุ่ม ต้องหันหน้าเข้าสู่สนามในทิศทางที่จะทุ่ม มือทั้งสองต้องปล่อยลูกบอลพร้อมกัน ห้ามล้ำเส้น (เหยียบเส้นได้แต่ห้ามเปิดเท้าเกิดช่องว่างในสนาม) ขณะทุ่มลูกบอลต้อยอยู่เหนือศรีษะและผ่านมาจากท้ายทอย ถ้าทุ่มผิดกติกาให้ฝ่ายตรงข้ามได้ทุ่ม
การเตะจากประตู

เมื่อลูกบอลทั้งลูกได้ผ่านเส้นประตูไปนอกสนาม นอกจากจะผ่านเข้าระหว่างเสาประตูทั้งสองภายใต้คานประตู ไม่ว่าจะกลิ้งหรือลอยไปในอากาศก็ตาม ฝ่ายรับจะได้ตั้งเตะภายในเขตประตูตรงจุดใดก็ได้ ต้องเตะลูกบอลครั้งเดียวให้ออกนอกเขตโทษ ห้ามส่งให้ผู้รักษาประตูรับในเขตโทษ เตะลูกบอลครั้งเดียวเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามไม่นับว่าได้ประตู ไม่มีการล้ำหน้า ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามห้ามเย้ามาในเขตโทษของผู้ตั้งเตะจากเขตประตู ถ้าผู้เล่นเตะลูกบอลตั้งเตะออกหลังเส้นประตูนอกเขตโทษตนเอง ให้ตั้งเตะใหม่ ถ้าผู้เตะลูกบอลตั้งเตะออกหลังเส้นประตูนอกเขตโทษของตนเอง ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตะจากมุม